การโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือข่าย(File Transfer Protocol: FTP)
FTP หรือ File Transfer Protocol เป็นบริการโอนย้ายข้อมูลข้ามเครือ ข้อมูลที่โอนย้ายมีหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ เพลง รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข่าวสาร โปรแกรมคอมพิวเตอร์ฯลฯ โดยการโอนย้ายข้อมูลจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
Download คือ การนำข้อมูลจากเครื่องที่ให้บริการ FTP หรือ จากระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
Upload คือ การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปไว้ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การใช้งาน FTP สามารถกระทำได้โดยผ่านโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) หรือสามารถทำได้ในรูปแบบของ Text Mode ผ่าน Unix ด้วยคำสั่ง Get , Put หรือ Graphics Mode ผ่าน Microsoft Windows เช่น การใช้โปรแกรม Win FTP Light , Cute FTP (http://www.nectec.or.th/courseware/internet/index.html)
การใช้บริการ FTP สามารถทำได้ทั้งผู้ที่เป็นสมาชิก FTP Server และบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิก โดยสามารถเข้าไปใช้บริการได้บางประเภทในนามของ Anonymous FTP
Anonymous FTP คือ บริการดาวน์โหลดข้อมูลที่เปิดให้บริการแบบสาธารณะโดยมี Login ที่เป็นตัวกลางในการเข้าถึง FTP Server
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สนทนาแบบออนไลน์ (IRC หรือ Chat)
ผู้ใช้บริการสามารถคุยโต้ตอบกับผู้ใช้คนอื่นๆ ในอินเตอร์เน็ตได้ในเวลาเดียวกัน (โดยการพิมพ์เข้าไปทางคีย์บอร์ด) เสมือนกับการคุยกันแต่ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของทั้งสองที่ ซึ่งก็สนุกและรวดเร็วดี บริการสนทนาแบบออนลายน ์นี้เรียกว่า Talk เนื่องจากใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า Talk ติดต่อกัน หรือจะคุยกันเป็นกลุ่มหลายๆ คนในลักษณะของการ Chat (ชื่อเต็มๆ ว่า Internet Relay Chat หรือ IRC ก็ได้) ซึ่งในปัจจุบันก็ได้พัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถใช้ภาพสามมิติ ภาพเคลื่อนไหวหรือการ์ตูนต่างๆ แทนตัวคนที่สนทนากันได้แล้ว และยังสามารถคุยกันด้วยเสียงในแบบเดียวกับ โทรศัพท์ ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลบนจอภาพหรือในเครื่องของผู้สนทนาแต่ละฝ่ายได้อีกด้วยโดย การทำงาน แบบนี้ก็จะอาศัย Protocol ช่วยในการติดต่ออีก Protocol นึงซึ่งมีชื่อว่า IRC(Internet Relay Chat) ซึ่งก็เป็น protocol อีกชนิดหนึ่งบนเครือข่ายอินเทอเน็ตที่สามารถทำให้ User หลายคนเข้ามาคุยพร้อมกันได้ผ่านตัวหนังสือแบบ Real time โดยจะมีหลักการคือ
มีเครื่อง Server ซึ่งจะเรียกว่าเป็น IRC server ก็ได้ซึ่ง server นี้ก็จะหมายถึงฮาร์ดแวร์+ซอฟแวร์โดยที่ฮาร์ดแวร ์คือคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นจะต้องมีทรัพยากรระบบค่อนข้างสูงและจะต้องมีมากกว่า 1 เครื่องเพื่อลองรับ User หลายคน
เครื่องของเราจะทำหน้ามี่เป็นเครื่อง Client ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ที่ เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอเน็ตได้แบบธรรมดาโดย ที่ไม่ต้องารทรัพยากรมากนัก และก็ต้องมีโปรแกรมสำหรับเชื่อมต่อเข้า Irc server ได้
พื้นฐานการทำงานของ IRC
เมื่อเครื่องของเราสามรถติดต่อกับ Server ได้แล้ว server นั้นจะมีการแบ่งช่องสนทนาออกเป็นกลุ่มๆ(Channel) หรืออาจจะเรียกว่า ห้องสนทนาก็ได้โดยเมื่อเราเข้าสู่ server แล้วเราจะมีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง (Nickname) เมื่อเราพิมข้อความลงไปข้อความนั้นก็จะส่งผ่าน server และไปปรากฏยังเครื่อง Client ของสมาชิกแต่ละคนในห้องนั้น ไม่ใช่แค่ข้อความสั้นๆอย่างเดียวผู้ใช้ IRC ยังสามารถที่จะส่งไฟล์ภาพ เสียง วีดีโอ หรือไฟล์ทุกชนิดกันได้โดยตรง ในปัจจุบัน การเล่น IRC ไม่ได้มีแค่ข้อความธรรมเท่านั้น ยังมีการสนทนา ที่ใช้ protocol IRC เช่นเดียวกันอีกแต่ว่า เราสามารถที่จะสมมุติรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ทำหน้าตายิ้มแย้ม โกรธ โดยอาจจำลองเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน VR (Virtual Realiity)ซึ่งจะเป็น ภาพ 3 มิติ เราสามรถที่จะเดินเข้าห้อง ออกจากห้อง จับมือ กับผู้ใช้คนอื่นได้ และอื่นๆ อีกมากมายได้ ซึ่งในปัจจบันก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจาก IRC เป็นกิจกรรมที่เปิดกว้างกล่าวคือเป็นใครก็ได้ที่จะเข้ามาร่วมก็ได้รวมทั้งไม่มีขีดจำกัดหรือกฏ เกณฑ์ใดๆมากมาย นัก เพราะฉนั้น IRC จึงเป็นศูนย์รวมที่สามารถรวบรวมผู้คนหลากหลายไม่ว่าจะเป็นวัย อาชีพ ประสบการณ์ต่างๆมาไว้ได้อย่างกลมกลืน แต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีความสนใจในการที่จะเข้าช่องสนทนาต่างๆกันไป
รูปแบบการสนทนาแบบออนไลน์
Netmeeting
เป็นโปรแกรมที่มีชื่อมาก เพราะทำให้คนจากซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกับอีกซีกโลก ด้วยเสียง จากคอมพิวเตอร์ ซึ่งคล้ายโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่อย่างใด และโปรแกรมในลักษณะนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับ เครื่องรับภาพ digital ดังนั้นคนที่มีโปรแกรมนี้จะคุยกัน และเห็นภาพของแต่ละฝ่าย จึงทำให้การติดต่อมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญในการติดต่อแบบนี้คือเรื่องของความเร็ว เพราะการติดต่อด้วยเสียง อาจได้เสียงที่ไม่ชัดเจน หรืออาจขาดหายระหว่างการสนทนา หากความเร็วในการเชื่อมต่อ internet ไม่เร็วพอ และจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะเพิ่มการรับ-ส่งภาพ แบบ VDO สำหรับเครื่องที่เชื่อมต่อด้วยความเร็วต่ำ
ICQ
บริการนี้เป็น บริการที่เยี่ยมมาก และได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะผู้ที่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง และมีโปรแกรม ICQ อยู่ในเครื่อง จะสามารถติดต่อกับเพื่อน ที่ใช้โปรแกรม ICQ อยู่ได้อย่างสะดวก เพราะเมื่อเปิดเครื่อง โปรแกรมนี้จะแสดงสถานะของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำการตรวจสอบไว้ ว่า Online อยู่หรือไม่ เปรียบเสมือนการมี pager ติดคอมพิวเตอร์ไว้ทีเดียว
ได้มีผู้พัฒนาโปรแกรมเสริมอีกมากมาย ให้ ICQ สามารถทำงานได้หลายหลายมากขึ้น และยิ่งแพร่กระจายได้เร็ว ในกลุ่มหนุ่มสาว ที่ต้องการเพิ่ม เพราะจะแสดงสถานะของ เครื่องเพื่อน เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถติดต่อได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องโทรไปถามบ่อย ๆ ว่าเปิดคอมพิวเตอร์หรือยัง เป็นต้น
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็นโปรแกรมที่ download ได้ฟรี
IRC
บริการนี้คนไทยทุกวัย ชอบกันมาก โดยเฉพาะโปรแกรม PIRC เพราะทำให้สามารถคุยกับใครก็ได้ ที่ใช้โปรแกรม PIRC การคุยกันจะใช้ผ่านแป้นพิมพ์เป็นสำคัญ โดยไม่ต้องเห็นหน้า หรือรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่พิมพ์ออกไป อย่างจริงจัง เพราะไม่มีการควบคุมจากศูนย์ที่ชัดเจน ทำให้ทุกคนมีอิสระที่จะคิด จะส่งข้อมูลออกไป ได้ทุกชาติ ทุกภาษา
ใน IRC ใด ๆ มักจะมีการแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยมีชื่อห้องบอกว่า ในห้องนั้นจะคุยกันเรื่องอะไร เช่น "วิธีแก้เหงา" หากใครต้องการคุยถึงวิธีแก้เหงา เข้าไปในห้องนั้น หรือหลาย ๆ ห้องได้ และแสดงความเห็นอะไรออกไปก็ได้ และยังสามารถเลือกคุยกับใครเป็นการส่วนตัว หรือจะคุยให้ทุกคน ที่เปิดหัวข้อนี้รับทราบก็ได้ เมื่อคุยกันถูกคอก็สามารถ ที่จะนัดพบกันตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือจะนัดคุยกันในคอมพิวเตอร์ ในครั้งต่อไป ในห้องที่กำหนดขึ้นก็ได้ จึงทำให้ทุกเพศทุกวัย ชื่นชอบที่จะใช้บริการนี้อย่างมาก
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็น Shareware หากผู้ใช้พอใจ สามารถที่จะลงทะเบียน เพื่อจ่ายเงิน $20 ได้
มีเครื่อง Server ซึ่งจะเรียกว่าเป็น IRC server ก็ได้ซึ่ง server นี้ก็จะหมายถึงฮาร์ดแวร์+ซอฟแวร์โดยที่ฮาร์ดแวร ์คือคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นจะต้องมีทรัพยากรระบบค่อนข้างสูงและจะต้องมีมากกว่า 1 เครื่องเพื่อลองรับ User หลายคน
เครื่องของเราจะทำหน้ามี่เป็นเครื่อง Client ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ที่ เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอเน็ตได้แบบธรรมดาโดย ที่ไม่ต้องารทรัพยากรมากนัก และก็ต้องมีโปรแกรมสำหรับเชื่อมต่อเข้า Irc server ได้
พื้นฐานการทำงานของ IRC
เมื่อเครื่องของเราสามรถติดต่อกับ Server ได้แล้ว server นั้นจะมีการแบ่งช่องสนทนาออกเป็นกลุ่มๆ(Channel) หรืออาจจะเรียกว่า ห้องสนทนาก็ได้โดยเมื่อเราเข้าสู่ server แล้วเราจะมีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง (Nickname) เมื่อเราพิมข้อความลงไปข้อความนั้นก็จะส่งผ่าน server และไปปรากฏยังเครื่อง Client ของสมาชิกแต่ละคนในห้องนั้น ไม่ใช่แค่ข้อความสั้นๆอย่างเดียวผู้ใช้ IRC ยังสามารถที่จะส่งไฟล์ภาพ เสียง วีดีโอ หรือไฟล์ทุกชนิดกันได้โดยตรง ในปัจจุบัน การเล่น IRC ไม่ได้มีแค่ข้อความธรรมเท่านั้น ยังมีการสนทนา ที่ใช้ protocol IRC เช่นเดียวกันอีกแต่ว่า เราสามารถที่จะสมมุติรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้า ทำหน้าตายิ้มแย้ม โกรธ โดยอาจจำลองเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน VR (Virtual Realiity)ซึ่งจะเป็น ภาพ 3 มิติ เราสามรถที่จะเดินเข้าห้อง ออกจากห้อง จับมือ กับผู้ใช้คนอื่นได้ และอื่นๆ อีกมากมายได้ ซึ่งในปัจจบันก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจาก IRC เป็นกิจกรรมที่เปิดกว้างกล่าวคือเป็นใครก็ได้ที่จะเข้ามาร่วมก็ได้รวมทั้งไม่มีขีดจำกัดหรือกฏ เกณฑ์ใดๆมากมาย นัก เพราะฉนั้น IRC จึงเป็นศูนย์รวมที่สามารถรวบรวมผู้คนหลากหลายไม่ว่าจะเป็นวัย อาชีพ ประสบการณ์ต่างๆมาไว้ได้อย่างกลมกลืน แต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีความสนใจในการที่จะเข้าช่องสนทนาต่างๆกันไป
รูปแบบการสนทนาแบบออนไลน์
Netmeeting
เป็นโปรแกรมที่มีชื่อมาก เพราะทำให้คนจากซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกับอีกซีกโลก ด้วยเสียง จากคอมพิวเตอร์ ซึ่งคล้ายโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่อย่างใด และโปรแกรมในลักษณะนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับ เครื่องรับภาพ digital ดังนั้นคนที่มีโปรแกรมนี้จะคุยกัน และเห็นภาพของแต่ละฝ่าย จึงทำให้การติดต่อมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มเติม
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญในการติดต่อแบบนี้คือเรื่องของความเร็ว เพราะการติดต่อด้วยเสียง อาจได้เสียงที่ไม่ชัดเจน หรืออาจขาดหายระหว่างการสนทนา หากความเร็วในการเชื่อมต่อ internet ไม่เร็วพอ และจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะเพิ่มการรับ-ส่งภาพ แบบ VDO สำหรับเครื่องที่เชื่อมต่อด้วยความเร็วต่ำ
ICQ
บริการนี้เป็น บริการที่เยี่ยมมาก และได้รับความนิยม เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะผู้ที่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเอง และมีโปรแกรม ICQ อยู่ในเครื่อง จะสามารถติดต่อกับเพื่อน ที่ใช้โปรแกรม ICQ อยู่ได้อย่างสะดวก เพราะเมื่อเปิดเครื่อง โปรแกรมนี้จะแสดงสถานะของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำการตรวจสอบไว้ ว่า Online อยู่หรือไม่ เปรียบเสมือนการมี pager ติดคอมพิวเตอร์ไว้ทีเดียว
ได้มีผู้พัฒนาโปรแกรมเสริมอีกมากมาย ให้ ICQ สามารถทำงานได้หลายหลายมากขึ้น และยิ่งแพร่กระจายได้เร็ว ในกลุ่มหนุ่มสาว ที่ต้องการเพิ่ม เพราะจะแสดงสถานะของ เครื่องเพื่อน เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถติดต่อได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องโทรไปถามบ่อย ๆ ว่าเปิดคอมพิวเตอร์หรือยัง เป็นต้น
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็นโปรแกรมที่ download ได้ฟรี
IRC
บริการนี้คนไทยทุกวัย ชอบกันมาก โดยเฉพาะโปรแกรม PIRC เพราะทำให้สามารถคุยกับใครก็ได้ ที่ใช้โปรแกรม PIRC การคุยกันจะใช้ผ่านแป้นพิมพ์เป็นสำคัญ โดยไม่ต้องเห็นหน้า หรือรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่พิมพ์ออกไป อย่างจริงจัง เพราะไม่มีการควบคุมจากศูนย์ที่ชัดเจน ทำให้ทุกคนมีอิสระที่จะคิด จะส่งข้อมูลออกไป ได้ทุกชาติ ทุกภาษา
ใน IRC ใด ๆ มักจะมีการแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยมีชื่อห้องบอกว่า ในห้องนั้นจะคุยกันเรื่องอะไร เช่น "วิธีแก้เหงา" หากใครต้องการคุยถึงวิธีแก้เหงา เข้าไปในห้องนั้น หรือหลาย ๆ ห้องได้ และแสดงความเห็นอะไรออกไปก็ได้ และยังสามารถเลือกคุยกับใครเป็นการส่วนตัว หรือจะคุยให้ทุกคน ที่เปิดหัวข้อนี้รับทราบก็ได้ เมื่อคุยกันถูกคอก็สามารถ ที่จะนัดพบกันตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือจะนัดคุยกันในคอมพิวเตอร์ ในครั้งต่อไป ในห้องที่กำหนดขึ้นก็ได้ จึงทำให้ทุกเพศทุกวัย ชื่นชอบที่จะใช้บริการนี้อย่างมาก
บริการนี้ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมาติดตั้ง และเป็น Shareware หากผู้ใช้พอใจ สามารถที่จะลงทะเบียน เพื่อจ่ายเงิน $20 ได้
ประเภทของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ประเภทของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสำคัญ เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ รวมทั้งเงินทุนที่จะใช้ในการติดตั้งระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ
1. การเชื่อมต่อแบบ Dial Up เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต
2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN(Internet Services Digital Network) เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
3.การเชื่อมต่อแบบ DSL(Digital Subscriber Line) เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL
4.การเชื่อมต่อแบบ Cable เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม
5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites) เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม
การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสำคัญ เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้นการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ รวมทั้งเงินทุนที่จะใช้ในการติดตั้งระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ
1. การเชื่อมต่อแบบ Dial Up เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต
2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN(Internet Services Digital Network) เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
3.การเชื่อมต่อแบบ DSL(Digital Subscriber Line) เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL
4.การเชื่อมต่อแบบ Cable เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม
5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites) เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม
Web browser หมายถึงอะไีร Web browser คือ
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
ประโยชน์ของ Web Browser
สามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปัจจุบัน web browser ส่วนใหญ่จะรองรับ html 5 และ อ่าน css เพื่อความสวยงามของหน้า web page
รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
Internet Explorer
Mozilla Firefox
Google Chrome
Safari
ประโยชน์ของ Web Browser
สามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปัจจุบัน web browser ส่วนใหญ่จะรองรับ html 5 และ อ่าน css เพื่อความสวยงามของหน้า web page
รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
Internet Explorer
Mozilla Firefox
Google Chrome
Safari
การท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
ก่อนจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตโลกไซเบอร์ที่ไรพรมแดน ที่มีทั้งผู้หวังดีแล้ะไม่หวังดี จึงอาจไม่ปลอดภัยแน่ถ้าเราไม่รู้จักป้องกันอันตราย...
การท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
ก่อนจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตโลกไซเบอร์ที่ไรพรมแดน ที่มีทั้งผู้หวังดีแล้ะไม่หวังดี จึงอาจไม่ปลอดภัยแน่ถ้าเราไม่รู้จักป้องกันอันตรายที่อาจจะมาโดยที่เรามองไม่เห็น วันนี้กระผม "บ่ดู๊" จะนำเสนอหลากหลายวิธีการสำหรับการออกท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
1. เช็คเครื่องทุกครั้งก่อนออกสตาร์ท การเช็กเครื่องที่บอกนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเปิดฝาเคสออกแล้วดูข้างในหรอกนะครับ แต่หมายถึง ก่อนที่เราจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้ง สิ่งที่เราต้องหมั่นเช็กทุกครั้งก็คือ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่หรือไม่ รวมถึงโปรแกรมรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ที่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่องยังคงตรวจหาความผิดปกติเหมือนเดิมรึเปล่า เพราะมีผู้ใช้หลายคนที่ถูกคุมคามหรือโดนโจมตีทันที หลังจากที่เครื่องเชื่อมต่อกับ internet เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว หากระบบความปลอดภัยในเครื่องของคุณอ่อนแอสุดๆ
2. อัพเกรดเว็บ Browser เป็นประจำ ไม่ว่าคุณจะใช้ IE, FireFox, Opera, Ntescape หรือเว็บบราวเซอร์ตัวใดก็ตามในการท่องโลก internet สิ่งสำคัญที่คุณควรจดจำไว้ให้มั่นก็คือ หมั่นอัพเกรดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ทุกครั้งที่มีเวอร์ชั่นใหม่ หรือมีแพชต์ต่างๆออกมา เพราะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยอุดรูรั่วหรือช่องโหว่ที่มาจากโปรแกรม ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่ไวรัสหรือแฮกเกอร์จะใช้เจาะเข้ามาบุกโจมตีได้ ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ผู้ใช้สามารถสร้างกำแพงป้องกันขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
3. รหัสผ่านของดีที่ควรมี การเซตรหัสผ่านก่อนเข้าเครื่อง หรือส่วนใดๆก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้งานเครื่องคอมพ์ หรือเข้าถึงไฟล์ในเครื่องได้โดยง่ายนั้น เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเมือ่ใดก็ตามที่คุณออนไลน์อยู่บนโลกของอินเทอร์เน็ต โอกาสที่จะถูกโจมตีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็มีสูงเช่นกัน ดังนั้น รหัสผ่านพวกนี้แหล่ะครับ ที่จะช่วยคุณได้ เพียงแต่ต้องระวังอย่าเก็บรหัสผ่านไว้ในที่ไม่ปลอดภัย หรือตั้งชื่อที่ใครก็สามารถคาดเดาได้โดยง่าย!
4. เล่นเน็ตฟรีระวังของดีถามหา ใครๆก็ชอบของฟรี ยิ่งได้เล่นเน็ตฟรีๆแบบนี้ยิ่งชอบ ใครที่มีโน้ตบุ๊กแล้วมักพกติดตัวไปนั่งในร้านโปรด แล้วเซิร์ฟเน็ตแบบไร้สาย หรือบางคนทีแอบเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ที่ชาวบ้านเขาเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ระวังไว้เถอะครับ เพราะว่าคุณอาจโดนเล่นงานเอาง่ายๆ เพราะตอนนี้แทบทุกที่ในตัวเมืองจะมีจุดให้บริการเน็ตไร้สายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็มีพวกมิจฉาชีพหัวใส แกล้งเปิด Access point เอาไว้ ล่อพวกแมงเม่าที่ชอบของฟรีให้มาติดกับ เพียงแค่คุณเชื่อมต่อเข้าไปยังจุดเชื่อมต่อสัญญาณดังกล่าว บรรดามิ๗ฉาชีพพวกนี้ก็สามารถขโมยข้อมูลจากเครื่องของคุณได้โดยไม่ยากเย็น หรือแม้แต่ฝากของแถมกลับไปยังเครื่องของคุณอีกด้วย!!
5. มันมากับอีเมล์ อีเมล์บอกรักจากแฟนของคุณ อาจทำให้คุณดีใจจนเปิดรับทุกสิ่งที่แนบมากับอีเมล์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเพียงแค่ส่งโทรจันและทูลไำม่กี่ตัวไปยังเครื่องเป้าหมาย จากนั้นก็ขโมยรายชื่ออีเมล์แอดเดรสมา เท่านี้คุณก็สามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้ ภัยออนไลน์แบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เพียงมันเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ และเพิ่มความน่ากลัวขึ้นทุกวัน ดังนั้น ทุกๆอย่างที่คุณเห็นและได้รับมาจากอีเมล์ อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อทันที เพระานั่นอาจไม่ได้มาจากคนที่คุณรู้จักก็เป็นได้
6. อย่าแซตเพลินจนเผลอเลอ ใครที่ชอบแซต ชอบคุยผ่าน MSN หรือแซตผ่านเว็บก็ตาม ถ้าคุณมัวแต่คุยเพลินจนลืมดูว่ามีสิ่งผิดปกติโผล่มาที่หน้าจอนั้น แบบนี้อันตรายมากๆครับ ภัยแอบแฝงที่มากับโปรแกรมแซตก็คือ การซ่อนหน้าต่างโจมตีไว้ด้านหลัง ซึ่งคุณจะไม่เห็นมันเลย ถ้าไม่เลื่อนหน้าต่างโปรแกรมแซตไปด้านล่างหรือย่อหน้าต่างลง วิธีแอบซ่อนเพื่อโจมตีในลักษณะนี้ เป็นการรอให้คุณคลิกเมาส์หรือกดปุ่มบนคีย์บอร์ดเพื่อสั่งให้โปรแกรมแอบแฝงทำงาน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งไวรัส หรือสคริปต์ประสงค์ร้ายต่างๆ นอกจากโปรแกรมแซตแล้ว ควรระวังการเิปิดดูหน้าเว็บที่ไม่ปลอดภัย เพราะภัยดังกล่าวมักมีที่มาจากเว็บไซต์เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
7. ช็อปปิ้งออนไลน์ ถ้าไม่มั่นใจอย่าเสี่ยง ใครก็ตามที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์แล้ว ต้องระวังอย่างมากที่สุด เพื่อล่อเหยื่อที่เป็นผู้ใช้มือใหม่ให้มาติดกับ การตรวจสอบเองด้วยตาเปล่าอาจทำได้ยาก ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเสี่ยงที่จะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ต้องชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ถึงแม้จะเป็นเว็บไซต์ที่คุณใช้บริการอยู่เป็นประจำก็ตามที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้บริการด้วยวิธีนี้จริงๆ แนะนำว่าอย่าใช้บริการจากร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ เพราะเราอาจไม่ทราบว่าได้มีการติดตั้งโปรแกรมจับการกดค่าคีย์เอาไว้หรือไม่ และวิธีง่ายๆที่คุณสามารถตรวจสอบได้เองในเบื้องต้น ก็คือดูที่ไอคอนรูปกุญแจตรงมุมขวาของบราวเซอร์ว่ายังปิดล็อกอยู่หรือไม่ รวมทั้งการพิมพ์ URL ทดสอบ โดยให้พิมพ์ URL ของเว็บที่คุณเข้าไปในอีกหน้าต่างหนึ่ง หากหน้าเว็บที่ปรากฎไม่เหมือนเดิมหรือดูแปลกๆไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นหน้าเว็บที่ปลอมขึ้นมา วิธีนี้เป็นการตรวจสอบการปลอมแปลงหน้าเว็บที่ถูกเปลี่ยน URL ในไฟล์ DNS ให้ลิงค์ไปที่หน้าเว็บปลอมแทน!
8. อย่าเปิดเครื่องทิ้งไว้ หลังทำธุรกรรมอนไลน์ สำหรับใครที่เข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือจากร้านเน็ตคาเฟ่เพื่อทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจำเป็นต้องมีบัตรเครดิตด้วย เรื่องน่ากลัวมักเกิดขึ้นหลังจากที่คุณทำธุระเสร็จ และเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน... การกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์นั้น ข้อมูลบางอย่างที่ถูกเก็บไว้ในเครื่อง ซึ่งแฮกเกอร์สามารถขุดคุ้ยข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งถ้าคุุณลุกออกไปโดยไม่ปิเครื่องหรือลืม Log Off จากหน้าต่างที่เข้าไปใช้บริการด้วยแล้ว แบบนี้ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ดังนั้น หลังทำธุรกรรมออนไลน์ทุกครั้งควร Log Off จากหน้าเว็บที่ให้บริการให้เรียบร้อย และสถานที่ที่ไม่ควรเข้าไปใช้บริการแบบนี้ก็คือที่สาธารณะหรือร้านเน็ตนั่นเองครับ!
9. หน้าต่าง Error ลวงโลก วันดีคืนดีคุณอาจเจอหน้าต่างแจ้งเตือนจากวินโดวส์ขึ้นมา โดยฟ้องว่ามีการทำงานบางส่วนผิดปกติ ให้ Debug บ้าง หรือกด Yes, No, OK อะไรไปเรื่อย ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เจอกัน แต่จริงๆแล้ว มันมีเรื่องน่ากลัวแฝงอยู่ภายใต้หน้าต่างแจ้งเตือนดังกล่าวด้วยเช่นกัน ภัยมืดที่กำลังพูดถึงก็คือ หน้าต่าง Error ลวงโลก หรือหน้าต่างแจ้งเตือนที่ปลอมขึ้นมาจนเหมือนมากๆ ดังนั้น ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าหน้าต่างที่เด้งขึ้นมาเป็นของจริงหรือปลอม แนะนำว่าไม่ควรคลิกหรือกดปุ่มใดๆทั้งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีเครื่องหมายกากบาทสำหรับปิดหน้าต่างก็ตามที ถ้าคุณเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่ควรทำก็คือ ตวรจดูว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่หรือไม่ ถ้าอยู่ๆไอคอนแอนตี้ไวรัสเป็นสีจาง หรือมีกากบาทเหมือนถูกสั่งให้ถูก Disable แบบนี้กดปิดเครื่องได้เลยครับ แต่ถ้าแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่ ให้สั่งสแกนไปที่ พาธ C:Document and Setting[user] ก่อนเป็นอันดับแรก และตามด้วย C:WINDOWSTempTemporary Internet Files
10. หมั่นสแกนเครื่อง อัพเดตแพตซ์โปรแกรม ข้อสุดท้ายนี้ทำได้ไม่ยากเลย แต่หลายคนมักลืมหรือละเลย ถ้าคุณติดตั้งโปรแกรมเเอนตี้ไวรัสเวอร์ชึ่นล่าสุด หรือโปรแกรมประเภท Internet Security Suitr เอาไว้ แต่ไม่เคยเข้าไปดูรายละเอียดว่ามันทำงานอะไรได้บ้าง หรือมีการคอนฟิกค่าไว้แบบใดบ้าง แบบนี้ถึงมีโปรแกรมดีดีก็เปล่าประโยชน์ครับ เพราะถ้าหากคุณไม่รู้วิธีการตั้งค่าโปรแกรมเหล่านี้ดีพอ ก็อาจทำให้การใช้งานเครื่องคอมของคุณสะดุดเอาง่ายๆ นอกจากนี้ ก็ควรหมั่นเข้าไปยังเว็บไซต์ผู้ผลิตซอร์ฟแวร์ที่คุณใช้บริการด้วย เพราะบ่อยครั้งข้อมูลการแจ้งเตือนก็มาจากหน้าเว็บที่คุณต้องอ่านเอง เพื่อเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองก่อนที่ภัยต่างๆจะมาถึง ส่วนแพชต์อัพเดคนั้นก็ควรเปิดออโต้ฯเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ที่ใช้วินโดวส์ สิ่งที่ควรหมั่นทำเป็นประจำก็คือ การตรวจสุขภาพของระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่การสแกนด้วยตัวยูทิลตี้เสริมต่างๆที่มีให้ดาวน์โหลด อย่าลืมตรวจสอบการทำงานของ System Restore ด้วยว่ายังทำงานเป็นปกติดีหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งที่รอยรั่วอาจมาจากระบบปฏิบัติการเองที่มีความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว
การท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
ก่อนจะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตโลกไซเบอร์ที่ไรพรมแดน ที่มีทั้งผู้หวังดีแล้ะไม่หวังดี จึงอาจไม่ปลอดภัยแน่ถ้าเราไม่รู้จักป้องกันอันตรายที่อาจจะมาโดยที่เรามองไม่เห็น วันนี้กระผม "บ่ดู๊" จะนำเสนอหลากหลายวิธีการสำหรับการออกท่องโลกอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
1. เช็คเครื่องทุกครั้งก่อนออกสตาร์ท การเช็กเครื่องที่บอกนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเปิดฝาเคสออกแล้วดูข้างในหรอกนะครับ แต่หมายถึง ก่อนที่เราจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้ง สิ่งที่เราต้องหมั่นเช็กทุกครั้งก็คือ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่หรือไม่ รวมถึงโปรแกรมรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ที่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่องยังคงตรวจหาความผิดปกติเหมือนเดิมรึเปล่า เพราะมีผู้ใช้หลายคนที่ถูกคุมคามหรือโดนโจมตีทันที หลังจากที่เครื่องเชื่อมต่อกับ internet เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว หากระบบความปลอดภัยในเครื่องของคุณอ่อนแอสุดๆ
2. อัพเกรดเว็บ Browser เป็นประจำ ไม่ว่าคุณจะใช้ IE, FireFox, Opera, Ntescape หรือเว็บบราวเซอร์ตัวใดก็ตามในการท่องโลก internet สิ่งสำคัญที่คุณควรจดจำไว้ให้มั่นก็คือ หมั่นอัพเกรดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ทุกครั้งที่มีเวอร์ชั่นใหม่ หรือมีแพชต์ต่างๆออกมา เพราะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยอุดรูรั่วหรือช่องโหว่ที่มาจากโปรแกรม ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่ไวรัสหรือแฮกเกอร์จะใช้เจาะเข้ามาบุกโจมตีได้ ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ผู้ใช้สามารถสร้างกำแพงป้องกันขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
3. รหัสผ่านของดีที่ควรมี การเซตรหัสผ่านก่อนเข้าเครื่อง หรือส่วนใดๆก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้งานเครื่องคอมพ์ หรือเข้าถึงไฟล์ในเครื่องได้โดยง่ายนั้น เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเมือ่ใดก็ตามที่คุณออนไลน์อยู่บนโลกของอินเทอร์เน็ต โอกาสที่จะถูกโจมตีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็มีสูงเช่นกัน ดังนั้น รหัสผ่านพวกนี้แหล่ะครับ ที่จะช่วยคุณได้ เพียงแต่ต้องระวังอย่าเก็บรหัสผ่านไว้ในที่ไม่ปลอดภัย หรือตั้งชื่อที่ใครก็สามารถคาดเดาได้โดยง่าย!
4. เล่นเน็ตฟรีระวังของดีถามหา ใครๆก็ชอบของฟรี ยิ่งได้เล่นเน็ตฟรีๆแบบนี้ยิ่งชอบ ใครที่มีโน้ตบุ๊กแล้วมักพกติดตัวไปนั่งในร้านโปรด แล้วเซิร์ฟเน็ตแบบไร้สาย หรือบางคนทีแอบเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ที่ชาวบ้านเขาเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ระวังไว้เถอะครับ เพราะว่าคุณอาจโดนเล่นงานเอาง่ายๆ เพราะตอนนี้แทบทุกที่ในตัวเมืองจะมีจุดให้บริการเน็ตไร้สายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็มีพวกมิจฉาชีพหัวใส แกล้งเปิด Access point เอาไว้ ล่อพวกแมงเม่าที่ชอบของฟรีให้มาติดกับ เพียงแค่คุณเชื่อมต่อเข้าไปยังจุดเชื่อมต่อสัญญาณดังกล่าว บรรดามิ๗ฉาชีพพวกนี้ก็สามารถขโมยข้อมูลจากเครื่องของคุณได้โดยไม่ยากเย็น หรือแม้แต่ฝากของแถมกลับไปยังเครื่องของคุณอีกด้วย!!
5. มันมากับอีเมล์ อีเมล์บอกรักจากแฟนของคุณ อาจทำให้คุณดีใจจนเปิดรับทุกสิ่งที่แนบมากับอีเมล์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเพียงแค่ส่งโทรจันและทูลไำม่กี่ตัวไปยังเครื่องเป้าหมาย จากนั้นก็ขโมยรายชื่ออีเมล์แอดเดรสมา เท่านี้คุณก็สามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้ ภัยออนไลน์แบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เพียงมันเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ และเพิ่มความน่ากลัวขึ้นทุกวัน ดังนั้น ทุกๆอย่างที่คุณเห็นและได้รับมาจากอีเมล์ อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อทันที เพระานั่นอาจไม่ได้มาจากคนที่คุณรู้จักก็เป็นได้
6. อย่าแซตเพลินจนเผลอเลอ ใครที่ชอบแซต ชอบคุยผ่าน MSN หรือแซตผ่านเว็บก็ตาม ถ้าคุณมัวแต่คุยเพลินจนลืมดูว่ามีสิ่งผิดปกติโผล่มาที่หน้าจอนั้น แบบนี้อันตรายมากๆครับ ภัยแอบแฝงที่มากับโปรแกรมแซตก็คือ การซ่อนหน้าต่างโจมตีไว้ด้านหลัง ซึ่งคุณจะไม่เห็นมันเลย ถ้าไม่เลื่อนหน้าต่างโปรแกรมแซตไปด้านล่างหรือย่อหน้าต่างลง วิธีแอบซ่อนเพื่อโจมตีในลักษณะนี้ เป็นการรอให้คุณคลิกเมาส์หรือกดปุ่มบนคีย์บอร์ดเพื่อสั่งให้โปรแกรมแอบแฝงทำงาน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งไวรัส หรือสคริปต์ประสงค์ร้ายต่างๆ นอกจากโปรแกรมแซตแล้ว ควรระวังการเิปิดดูหน้าเว็บที่ไม่ปลอดภัย เพราะภัยดังกล่าวมักมีที่มาจากเว็บไซต์เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
7. ช็อปปิ้งออนไลน์ ถ้าไม่มั่นใจอย่าเสี่ยง ใครก็ตามที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตผ่านระบบออนไลน์แล้ว ต้องระวังอย่างมากที่สุด เพื่อล่อเหยื่อที่เป็นผู้ใช้มือใหม่ให้มาติดกับ การตรวจสอบเองด้วยตาเปล่าอาจทำได้ยาก ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเสี่ยงที่จะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ต้องชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ถึงแม้จะเป็นเว็บไซต์ที่คุณใช้บริการอยู่เป็นประจำก็ตามที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้บริการด้วยวิธีนี้จริงๆ แนะนำว่าอย่าใช้บริการจากร้านอินเตอร์เน็ตนะครับ เพราะเราอาจไม่ทราบว่าได้มีการติดตั้งโปรแกรมจับการกดค่าคีย์เอาไว้หรือไม่ และวิธีง่ายๆที่คุณสามารถตรวจสอบได้เองในเบื้องต้น ก็คือดูที่ไอคอนรูปกุญแจตรงมุมขวาของบราวเซอร์ว่ายังปิดล็อกอยู่หรือไม่ รวมทั้งการพิมพ์ URL ทดสอบ โดยให้พิมพ์ URL ของเว็บที่คุณเข้าไปในอีกหน้าต่างหนึ่ง หากหน้าเว็บที่ปรากฎไม่เหมือนเดิมหรือดูแปลกๆไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นหน้าเว็บที่ปลอมขึ้นมา วิธีนี้เป็นการตรวจสอบการปลอมแปลงหน้าเว็บที่ถูกเปลี่ยน URL ในไฟล์ DNS ให้ลิงค์ไปที่หน้าเว็บปลอมแทน!
8. อย่าเปิดเครื่องทิ้งไว้ หลังทำธุรกรรมอนไลน์ สำหรับใครที่เข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือจากร้านเน็ตคาเฟ่เพื่อทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจำเป็นต้องมีบัตรเครดิตด้วย เรื่องน่ากลัวมักเกิดขึ้นหลังจากที่คุณทำธุระเสร็จ และเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน... การกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์นั้น ข้อมูลบางอย่างที่ถูกเก็บไว้ในเครื่อง ซึ่งแฮกเกอร์สามารถขุดคุ้ยข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งถ้าคุุณลุกออกไปโดยไม่ปิเครื่องหรือลืม Log Off จากหน้าต่างที่เข้าไปใช้บริการด้วยแล้ว แบบนี้ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ดังนั้น หลังทำธุรกรรมออนไลน์ทุกครั้งควร Log Off จากหน้าเว็บที่ให้บริการให้เรียบร้อย และสถานที่ที่ไม่ควรเข้าไปใช้บริการแบบนี้ก็คือที่สาธารณะหรือร้านเน็ตนั่นเองครับ!
9. หน้าต่าง Error ลวงโลก วันดีคืนดีคุณอาจเจอหน้าต่างแจ้งเตือนจากวินโดวส์ขึ้นมา โดยฟ้องว่ามีการทำงานบางส่วนผิดปกติ ให้ Debug บ้าง หรือกด Yes, No, OK อะไรไปเรื่อย ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เจอกัน แต่จริงๆแล้ว มันมีเรื่องน่ากลัวแฝงอยู่ภายใต้หน้าต่างแจ้งเตือนดังกล่าวด้วยเช่นกัน ภัยมืดที่กำลังพูดถึงก็คือ หน้าต่าง Error ลวงโลก หรือหน้าต่างแจ้งเตือนที่ปลอมขึ้นมาจนเหมือนมากๆ ดังนั้น ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าหน้าต่างที่เด้งขึ้นมาเป็นของจริงหรือปลอม แนะนำว่าไม่ควรคลิกหรือกดปุ่มใดๆทั้งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีเครื่องหมายกากบาทสำหรับปิดหน้าต่างก็ตามที ถ้าคุณเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่ควรทำก็คือ ตวรจดูว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่หรือไม่ ถ้าอยู่ๆไอคอนแอนตี้ไวรัสเป็นสีจาง หรือมีกากบาทเหมือนถูกสั่งให้ถูก Disable แบบนี้กดปิดเครื่องได้เลยครับ แต่ถ้าแอนตี้ไวรัสยังทำงานอยู่ ให้สั่งสแกนไปที่ พาธ C:Document and Setting[user] ก่อนเป็นอันดับแรก และตามด้วย C:WINDOWSTempTemporary Internet Files
10. หมั่นสแกนเครื่อง อัพเดตแพตซ์โปรแกรม ข้อสุดท้ายนี้ทำได้ไม่ยากเลย แต่หลายคนมักลืมหรือละเลย ถ้าคุณติดตั้งโปรแกรมเเอนตี้ไวรัสเวอร์ชึ่นล่าสุด หรือโปรแกรมประเภท Internet Security Suitr เอาไว้ แต่ไม่เคยเข้าไปดูรายละเอียดว่ามันทำงานอะไรได้บ้าง หรือมีการคอนฟิกค่าไว้แบบใดบ้าง แบบนี้ถึงมีโปรแกรมดีดีก็เปล่าประโยชน์ครับ เพราะถ้าหากคุณไม่รู้วิธีการตั้งค่าโปรแกรมเหล่านี้ดีพอ ก็อาจทำให้การใช้งานเครื่องคอมของคุณสะดุดเอาง่ายๆ นอกจากนี้ ก็ควรหมั่นเข้าไปยังเว็บไซต์ผู้ผลิตซอร์ฟแวร์ที่คุณใช้บริการด้วย เพราะบ่อยครั้งข้อมูลการแจ้งเตือนก็มาจากหน้าเว็บที่คุณต้องอ่านเอง เพื่อเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองก่อนที่ภัยต่างๆจะมาถึง ส่วนแพชต์อัพเดคนั้นก็ควรเปิดออโต้ฯเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ที่ใช้วินโดวส์ สิ่งที่ควรหมั่นทำเป็นประจำก็คือ การตรวจสุขภาพของระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่การสแกนด้วยตัวยูทิลตี้เสริมต่างๆที่มีให้ดาวน์โหลด อย่าลืมตรวจสอบการทำงานของ System Restore ด้วยว่ายังทำงานเป็นปกติดีหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งที่รอยรั่วอาจมาจากระบบปฏิบัติการเองที่มีความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว
วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)
เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้โดยสะดวก และประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลก็คล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา นั้นคือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดเจน ก็คือ อีเมลแอดเดรส (E-mail address) องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน Username@domain_name การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
2.1 Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น u47202000@dusit.ac.th คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
2.2 Free e-mail คือ อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ Chaiyo Mail
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol)
เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตการโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้คือ
1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File ) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีเช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น FTP Commander
4 บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message)
การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม ICQ (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เป็นต้น
5 บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com
2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา website ที่ให้บริการ search engine เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com, www.google.co.th, www.sansarn.com
3. Metasearch คือ การค้นหาข้อมูลแบบ Search engine แต่จะทำการส่งคำที่ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลอื่นๆ อีก ถ้าข้อมูลที่ได้มีซ้ำกัน ก็จะแสดงเพียงรายการเดียว เว็บไซต์ที่ให้บริการ Metasearch เช่น www.search.com, www.thaifind.com
6 บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board)
เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย คือ เว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์ (www.pantip.com)
7. ห้องสนทนา (Chat Room)
ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนาเช่น www.sanook.com www.pantip.com
เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้โดยสะดวก และประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลก็คล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา นั้นคือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดเจน ก็คือ อีเมลแอดเดรส (E-mail address) องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน Username@domain_name การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
2.1 Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น u47202000@dusit.ac.th คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
2.2 Free e-mail คือ อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ Chaiyo Mail
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol)
เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตการโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้คือ
1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File ) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีเช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น FTP Commander
4 บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message)
การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม ICQ (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เป็นต้น
5 บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com
2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา website ที่ให้บริการ search engine เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com, www.google.co.th, www.sansarn.com
3. Metasearch คือ การค้นหาข้อมูลแบบ Search engine แต่จะทำการส่งคำที่ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลอื่นๆ อีก ถ้าข้อมูลที่ได้มีซ้ำกัน ก็จะแสดงเพียงรายการเดียว เว็บไซต์ที่ให้บริการ Metasearch เช่น www.search.com, www.thaifind.com
6 บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board)
เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย คือ เว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์ (www.pantip.com)
7. ห้องสนทนา (Chat Room)
ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนาเช่น www.sanook.com www.pantip.com
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์
เป็นโปรแกรมสำหรับแปลง Tags ที่กำหนดในเว็บเพจ HTML ให้กลายเป็นตัวอักษร/ภาพ/เสียง
NCSA Mosaic
Netscape Navigator
Microsoft Internet Explorer
Opera
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ NCSA Mosaic สร้างโดย Marc Andressen โปรแกรมเมอร์ของ NCSA(National Center
for Supercomputing Applications)เป็นโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ตัวแรกสุดที่สามารถแสดงผลแบบรูปภาพ เสียง และภาพยนต์
ได้นอกจากการเชื่อมโยงเอกสารทั่วไปสามารถใช้งานได้บน Windows, Macintosh, X-Windowsมีการให้บริการ E-mail, FTP,
Usenet News ไว้ด้วยเป็นต้นแบบของโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ตัวอื่นๆในปัจจุบัน
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ Netscape Navigator Marc Andressen กับ James H.Clark ร่วมกันก่อตั้งบริษัท
MosaicCommunication Corporation ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Netscape Communications Corporationเป็นโปรแกรม
ยอดนิยมที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Microsoftมีการพัฒนาให้สามารถรับรู้คำสั่งหรือ Tags ใหม่ๆที่มีอยู่ใน HTML รุ่นใหม่ และสนับสนุน
ภาษา Java และ Javascript
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ Microsoft Internet Explorer ผลิตโดยบริษัท Microsoft ผู้ผลิตโอเอส DOS, Windows ฯลฯ
เกิดจากการซื้อลิขสิทธ์โปรแกรม NCSA Mosaic มาพัฒนาต่อเป็น Internet Explorer(IE) ใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ
Windows 95, 98, NT, MacOSเพิ่มขีดความสามารถให้แสดงภาพเคลื่อนไหว ภาพสามมิติ ได้มีการออกคำสั่ง HTML ใหม่ๆ
ที่ใช้งานได้กับเบราเซอร์ของตน
NCSA Mosaic
Netscape Navigator
Microsoft Internet Explorer
Opera
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ NCSA Mosaic สร้างโดย Marc Andressen โปรแกรมเมอร์ของ NCSA(National Center
for Supercomputing Applications)เป็นโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ตัวแรกสุดที่สามารถแสดงผลแบบรูปภาพ เสียง และภาพยนต์
ได้นอกจากการเชื่อมโยงเอกสารทั่วไปสามารถใช้งานได้บน Windows, Macintosh, X-Windowsมีการให้บริการ E-mail, FTP,
Usenet News ไว้ด้วยเป็นต้นแบบของโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ตัวอื่นๆในปัจจุบัน
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ Netscape Navigator Marc Andressen กับ James H.Clark ร่วมกันก่อตั้งบริษัท
MosaicCommunication Corporation ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Netscape Communications Corporationเป็นโปรแกรม
ยอดนิยมที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Microsoftมีการพัฒนาให้สามารถรับรู้คำสั่งหรือ Tags ใหม่ๆที่มีอยู่ใน HTML รุ่นใหม่ และสนับสนุน
ภาษา Java และ Javascript
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ Microsoft Internet Explorer ผลิตโดยบริษัท Microsoft ผู้ผลิตโอเอส DOS, Windows ฯลฯ
เกิดจากการซื้อลิขสิทธ์โปรแกรม NCSA Mosaic มาพัฒนาต่อเป็น Internet Explorer(IE) ใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ
Windows 95, 98, NT, MacOSเพิ่มขีดความสามารถให้แสดงภาพเคลื่อนไหว ภาพสามมิติ ได้มีการออกคำสั่ง HTML ใหม่ๆ
ที่ใช้งานได้กับเบราเซอร์ของตน
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
วิธการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
การเชื่อมโยงโดยตรงด้วยเกตเวย์เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เข้ากับ Backbone ของอินเตอร์เน็ต โดยผ่านเกตเวย์ (Gateway) หรือ IP Router สายสื่อสารความเร็วสูงมาก มักใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก การเชื่อมโยงต่อ
ผ่านInternet Service Providers(ISP)เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าสู่อินเตอร์เน็ตโดยผ่านบริษัทผู้ให้บริการจัดสรรการ
เชื่อมโยง
รูปแบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection) การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่อ
อินเตอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับ
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน
(Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้
บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้
องค์ประกอบของการใช้อินเตอร์เน็ตรายบุคคล
1. โทรศัพท์
2. เครื่องคอมพิวเตอร์
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน
4. โมเด็ม (Modem)
2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์
โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็มชนิด PCMCIA ของ PCT ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)
1. WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง
2. GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับ
อินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย
3. โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สาย
ความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbpsซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่อ
อินเทอร์เน็ตได้เพียง56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย
4. เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้
้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สาย
บลูธูทเพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี
3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm)
ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์
ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
1. บริการอินเตอร์เน็ตผ่าน ISDN (Integrated Service Digital Network)
เป็นการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ระบบใหม่ที่รับส่งสัญญาณเป็นดิจิทัลทั้งหมด อุปกรณ์และชุมสายโทรศัพท์จะเป็นอุปกรณ์
ที่สนับสนุนระบบของ ISDN โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องโทรศัพท์ และโมเด็มสำหรับ ISDN
องค์ประกอบของการต่ออินเตอร์เน็ตด้วยระบบโทรศัพท์ ISDN
1. Network Terminal (NT) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อจากชุมสาย ISDN เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลของ ISDN โดยเฉพาะ เช่น เครื่องโทรศัพท์ดิจิทัล เครื่องแฟกซ์ดิจิทัล
2. Terminal adapter (TA) เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อใช้ต่อ NT เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้กับโทรศัพท์บ้านระบบเดิม และทำหน้าที่เป็น ISDN modem ที่ความเร็ว 64-128 Kbps
3. ISDN card เป็นการ์ดที่ต้องเสียบในแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์เพื่อต่อกับ NTโดยตรง ในกรณีที่ไม่ใช้ Terminal adapter
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านคู่สาย ISDN (ISDN ISP) เช่น KSC, Internet Thailand, Lox Info, JI-Net ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเหล่านี้จะทำการเช่าคู่สาย ISDN กับองค์การโทรศัพท์ (บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน )
2. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม (Cable Modem)
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง โดยไม่ใช้สายโทรศัพท์ แต่อาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการเคเบิลทีวีความเร็ว ของการใช้เคเบิลโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะทำให้ความเร็วสูงถึง 2/10 Mbps นั้น คือ ความเร็วในการอัพโหลด ที่ 2 Mbps
และความเร็วในการ ดาวน์โหลด ที่ 10 Mbps แต่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ที่ 64/256 Kbps
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเคเบิลโมเด็ม
1. ต้องมีการเดินสายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิล มาถึงบ้าน ซึ่งเป็นสายโคแอกเชียล (Coaxial )
2. ตัวแยกสัญญาณ (Splitter) ทำหน้าที่แยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ผ่านเคเบิลโมเด็ม
3. Cable modem ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม ในปัจจุบัน มีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทเอเชียมัลติมีเดีย ในเครือเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเชีย ผู้ให้บริการ Asia Net
3. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านระบบโทรศัพท์ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Loop)
ADSL เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม แต่ใช้การส่งด้วยความถี่สูงกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิม ชุมสายโทรศัพท์ที่ให้บริการหมายเลข ADSL จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ คือ DSL Access Module เพื่อทำการแยกสัญญาณความถี่สูง
นี้ออกจากระบบโทรศัพท์เดิม และลัดเข้าเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมี ADSL Modem
ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL จะมีความเร็วที่ 64/128 Kbps (อัพโหลด ที่ 64 Kbps
และ ดาวน์โหลด ที่ 128 Kbps) และที่ 128/256 Kbps (อัพโหลด ที่ 128 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 256 Kbps) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการ
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย ADSL
1. ADSL modem ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณ
2. Splitter ทำหน้าที่แยกสัญญาณความถี่สูงของ ADSL จากสัญญาณโทรศัพท์แบบธรรมดา
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL ประกอบด้วย Asia Net, Loxinfo, KSC, CS Internet, Anet, Samart, JI-Net
4. บริการอินเตอร์เนตผ่านดาวเทียม (Satellite Internet) เป็นบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันใช้การส่งผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว (One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download)ด้วยความเร็วสูง
ในระดับเมกะบิตต่อวินาทีแต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56 Kbps การใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยดาวเทียม
1. จานดาวเทียมขนาดเล็ก
2. อุปกรณ์รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อแปลงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
3. โมเด็มธรรมดา พร้อมสายโทรศัพท์ 1 คู่สาย เพื่อส่งสัญญาณกลับ (Upload)
4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครื่อชินคอร์ปอเรชั่น
การเชื่อมโยงโดยตรงด้วยเกตเวย์เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เข้ากับ Backbone ของอินเตอร์เน็ต โดยผ่านเกตเวย์ (Gateway) หรือ IP Router สายสื่อสารความเร็วสูงมาก มักใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงมาก การเชื่อมโยงต่อ
ผ่านInternet Service Providers(ISP)เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ เข้าสู่อินเตอร์เน็ตโดยผ่านบริษัทผู้ให้บริการจัดสรรการ
เชื่อมโยง
รูปแบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection) การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่อ
อินเตอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับ
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน
(Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้
บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้
องค์ประกอบของการใช้อินเตอร์เน็ตรายบุคคล
1. โทรศัพท์
2. เครื่องคอมพิวเตอร์
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน
4. โมเด็ม (Modem)
2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์
โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็มชนิด PCMCIA ของ PCT ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)
1. WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง
2. GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับ
อินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย
3. โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สาย
ความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbpsซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่อ
อินเทอร์เน็ตได้เพียง56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย
4. เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้
้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สาย
บลูธูทเพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี
3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm)
ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์
ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
1. บริการอินเตอร์เน็ตผ่าน ISDN (Integrated Service Digital Network)
เป็นการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ระบบใหม่ที่รับส่งสัญญาณเป็นดิจิทัลทั้งหมด อุปกรณ์และชุมสายโทรศัพท์จะเป็นอุปกรณ์
ที่สนับสนุนระบบของ ISDN โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องโทรศัพท์ และโมเด็มสำหรับ ISDN
องค์ประกอบของการต่ออินเตอร์เน็ตด้วยระบบโทรศัพท์ ISDN
1. Network Terminal (NT) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อจากชุมสาย ISDN เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัลของ ISDN โดยเฉพาะ เช่น เครื่องโทรศัพท์ดิจิทัล เครื่องแฟกซ์ดิจิทัล
2. Terminal adapter (TA) เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อใช้ต่อ NT เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้กับโทรศัพท์บ้านระบบเดิม และทำหน้าที่เป็น ISDN modem ที่ความเร็ว 64-128 Kbps
3. ISDN card เป็นการ์ดที่ต้องเสียบในแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์เพื่อต่อกับ NTโดยตรง ในกรณีที่ไม่ใช้ Terminal adapter
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านคู่สาย ISDN (ISDN ISP) เช่น KSC, Internet Thailand, Lox Info, JI-Net ฯลฯ ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเหล่านี้จะทำการเช่าคู่สาย ISDN กับองค์การโทรศัพท์ (บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน )
2. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม (Cable Modem)
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง โดยไม่ใช้สายโทรศัพท์ แต่อาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการเคเบิลทีวีความเร็ว ของการใช้เคเบิลโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะทำให้ความเร็วสูงถึง 2/10 Mbps นั้น คือ ความเร็วในการอัพโหลด ที่ 2 Mbps
และความเร็วในการ ดาวน์โหลด ที่ 10 Mbps แต่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ที่ 64/256 Kbps
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเคเบิลโมเด็ม
1. ต้องมีการเดินสายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิล มาถึงบ้าน ซึ่งเป็นสายโคแอกเชียล (Coaxial )
2. ตัวแยกสัญญาณ (Splitter) ทำหน้าที่แยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ผ่านเคเบิลโมเด็ม
3. Cable modem ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม ในปัจจุบัน มีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทเอเชียมัลติมีเดีย ในเครือเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเชีย ผู้ให้บริการ Asia Net
3. บริการอินเตอร์เน็ตผ่านระบบโทรศัพท์ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Loop)
ADSL เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม แต่ใช้การส่งด้วยความถี่สูงกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิม ชุมสายโทรศัพท์ที่ให้บริการหมายเลข ADSL จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ คือ DSL Access Module เพื่อทำการแยกสัญญาณความถี่สูง
นี้ออกจากระบบโทรศัพท์เดิม และลัดเข้าเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมี ADSL Modem
ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL จะมีความเร็วที่ 64/128 Kbps (อัพโหลด ที่ 64 Kbps
และ ดาวน์โหลด ที่ 128 Kbps) และที่ 128/256 Kbps (อัพโหลด ที่ 128 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 256 Kbps) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการ
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย ADSL
1. ADSL modem ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณ
2. Splitter ทำหน้าที่แยกสัญญาณความถี่สูงของ ADSL จากสัญญาณโทรศัพท์แบบธรรมดา
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL ประกอบด้วย Asia Net, Loxinfo, KSC, CS Internet, Anet, Samart, JI-Net
4. บริการอินเตอร์เนตผ่านดาวเทียม (Satellite Internet) เป็นบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันใช้การส่งผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว (One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download)ด้วยความเร็วสูง
ในระดับเมกะบิตต่อวินาทีแต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56 Kbps การใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยดาวเทียม
1. จานดาวเทียมขนาดเล็ก
2. อุปกรณ์รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อแปลงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
3. โมเด็มธรรมดา พร้อมสายโทรศัพท์ 1 คู่สาย เพื่อส่งสัญญาณกลับ (Upload)
4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครื่อชินคอร์ปอเรชั่น
วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ไปรษณีย์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)
จดหมายอีเลกทรอนิกส์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า อีเมล์(E-mail) หมายถึง จดหมายหรือข้อความที่ส่งถึงกันผ่านระบบเครือข่าย เราสามารถส่งจดหมายไปให้ผู้รับซึ่งเป็นสมาชิกของระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา จดหมายจะส่งถึงปลายทางอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที หรืออาจจะส่งจดหมายฉบับเดียวไปถึงผู้รับหลายคน ในเวลาเดียวกันก็ได้ ทั้งผู้รับและส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีที่อยู่เพื่อใช้ในการอ้างอิงการส่งและรับจดหมาย ที่อยู่สำหรับการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยสองส่วนคือ รหัสผู้ใช้หรือ UserID ซึ่งจะได้รับจากผู้ให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และส่วนที่สองคือชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการบริการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ HostName โดยรูปแบบการเขียนจะเริ่มต้นด้วย UserID คั่นด้วยเครื่องหมาย '@' ตามด้วย HostName ดังนี้ userid@hostname ตัวอย่างเช่น u9999999@dusit.ac.th หมายถึงผู้ใช้มี UserID เป็น u9999999 และเป็นสมาชิกอยู่ที่ Host ชื่อ dusit.ac.th เป็นต้น
จุดเด่นของอีเมล์ คือ สามารถติดไฟล์ไปกับอีเมล์ได้ ซึ่งไฟล์ที่ติดไปนั้นอาจจะเป็นไฟล์ภาพ ไฟล์โปรแกรม หรือไฟล์ข้อมูลก็ได้ เมื่อคุณส่งอีเมล์ไปมันจะวิ่งไปยังปลายทาง ในแทบจะทันที ไม่ว่าปลายทางจะอยู่ห่างจากออไปใกล้เพียงฝ่ามือหรือไกลสุดขอบโลกก็ตาม
ข้อดีของอีเมล์ในสิ่งนี้ทำให้ผู้ที่ต้องติดต่อกับบุคคลในต่างประเทศนิยมที่จะติดต่อผ่านทางอีเมล์ เพราะว่าราคาถูก สะดวดรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง มีผู้รู้หลายท่านคาดการณ์ว่าต่อไปนามบัตรของผู้คนจะต้องมีอีเมลืแอดเดรสกันทุกคนเช่นเดียวกับที่ต้องมีหมายเลขแฟกซ์ขององค์กรไว้ในนามบัตรยังไงยังงั้น
[แก้ไข] อีเมล์แอดเดรส
ในการส่งจดหมายธรรมดาผู้ส่งจดหมายต้องทราบที่อยู่ของผู้รับก่อน การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็ใช้หลักการเดียวกัน ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคนจะมีที่อยู่หรือแอดเดรสเป็นของตนเอง เช่น budsayaphan@hotmail.com หรือ budsayaphan@yahoo.com โดยได้รับแอดเดรสจากการที่คุณสมัครเป็นสมาชิกตามเว็บที่มีการบริการอีเมล์
แอดเดรสแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ชื่อผู้ใช้(user name) และชื่อโดเมน(domain name) ซึ่งผู้ใช้หมายถึงชื่อหรือชื่อใดๆ ของผู้ใช้อีเมล์ ข้างหลังชื่อผู้ใช้จะเป็นเครื่องหมาย @ (at sign) แปลว่า ที่ คั่นระหว่างชื่อกับโดเมน
ส่วนที่เป็นชื่อของโดเมนจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์และสถานที่ตั้งของคอมพิวเตอร์ เช่น
budsayaphan @ hotmail. com ชื่อผู้ใช้ ที่ ชื่อโดเมน รหัส โดเมน เป็นลำดับชั้นของเครือข่ายโดยจะใช้เครื่องหมาย จุด คั่นระหว่างลำดับชั้น ลำดับชั้นที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ทางด้านขวาสุด แนวความคิดของการแบ่งลำดับชั้นของโดเมนก็คล้ายกับการแบ่งที่อยู่ออกเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ
[แก้ไข] ระบบการทำงานของจดหมายอิเล็กทรอกนิกส์
เป็นระบบที่บุคลากรในหน่วยงานของจังหวัด สามารถติดต่อสื่อสารกันโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดจะเป็นผู้แจกจ่าย E-mail address ให้กับบุคคลภายในหน่วยงานของจังหวัด ซึ่งลักษณะการใช้งานจะเป็นลักษณะของ Web Application สามารถใช้บริการ Web mail Application ได้ในลักษณะดังต่อไปนี้
1.สามารถส่ง E-mail ไปยังผู้รับที่อยู่ในเครือข่ายของจังหวัด หรือผู้รับที่อยู่ภายนอกเครือข่ายของจังหวัดได้
2.มีระบบบัญชีรายชื่อส่วนตัว (Address book) ที่สามารถเลือกส่ง E-mail ได้
3.ในการส่ง E-mail สามารถแนบแฟ้มข้อมูลที่ต้องการส่งไปได้
4.สามารถลบ E-mail ที่ไม่ต้องการออกได้
5.สามารถใช้งานร่วมกับระบบงานสารบรรณได้
[แก้ไข] การสมัครจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ในบทเรียนนี้จะสมัครที่ www.hotmail.com ดังนี้
เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ Hotmail ให้คลิกปุ่ม Sign Up(หรือลงทะเบียน)
เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Get it free เำืพื่อสมัครฟรีไม่เสียตังค์
จากนั้นจะโชว์หน้าต่างที่ให้เรากรอกรายละเอียดข้อมูลของเราเอง ดังภาพด้านล่าง
ซึ่งเมื่อเรากรอกข้อมูลของเราเสร็จทุกส่วนแล้ว Hotmail จะให้เรากรอกรหัสดังภาพ
ซึ่งเราต้องกรอกให้ครบและถูกต้องทั้ง 8 ตัวอักษร แล้วกดปุ่ม I accept (คือการยอมรับ) รอสักครู่ ...... จะขึ้นหน้าต่างให้เราเลือกรุ่น ดังนี้
ให้เราเลือก Give me the classic version ระบบจะเข้าไปยังกล่องจดหมายเรา ก็ถือว่าการสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว
[แก้ไข] การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ในการส่ง E-Mail นั้น เราต้องทำการเข้าไปยังกล่องจดหมายของเราก่อน ดังนี้
ทำการป้อน E-mail address(เบอร์อีเมล์) และPassword(รหัสผ่าน) แล้วคลิกไปที่ Sign in จะเข้าไปยังกล่องจดหมาย ดังนี้
ให้เราคลิกไปที่ ปุ่ม New ด้านบน เพื่อเข้าไปสร้างจดหมายฉบับใหม่
ตรงส่วน To คือใส่แอดเดรสอีเมล์ของผู้ที่เราจะส่งไปให้ ตรงส่วน Subject ใส่หัวเรื่องที่เราจะส่งไปให้ว่าเรื่องอะไร แล้วใส่ข้อความต่างๆที่ต้องการจะส่งด้านล่าง แล้วกดปุ่ม sendเพื่อทำการส่งจดหมาย ก็เป็นอันว่าส่งจดหมายเรียบร้อยแล้ว
จุดเด่นของอีเมล์ คือ สามารถติดไฟล์ไปกับอีเมล์ได้ ซึ่งไฟล์ที่ติดไปนั้นอาจจะเป็นไฟล์ภาพ ไฟล์โปรแกรม หรือไฟล์ข้อมูลก็ได้ เมื่อคุณส่งอีเมล์ไปมันจะวิ่งไปยังปลายทาง ในแทบจะทันที ไม่ว่าปลายทางจะอยู่ห่างจากออไปใกล้เพียงฝ่ามือหรือไกลสุดขอบโลกก็ตาม
ข้อดีของอีเมล์ในสิ่งนี้ทำให้ผู้ที่ต้องติดต่อกับบุคคลในต่างประเทศนิยมที่จะติดต่อผ่านทางอีเมล์ เพราะว่าราคาถูก สะดวดรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง มีผู้รู้หลายท่านคาดการณ์ว่าต่อไปนามบัตรของผู้คนจะต้องมีอีเมลืแอดเดรสกันทุกคนเช่นเดียวกับที่ต้องมีหมายเลขแฟกซ์ขององค์กรไว้ในนามบัตรยังไงยังงั้น
[แก้ไข] อีเมล์แอดเดรส
ในการส่งจดหมายธรรมดาผู้ส่งจดหมายต้องทราบที่อยู่ของผู้รับก่อน การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก็ใช้หลักการเดียวกัน ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคนจะมีที่อยู่หรือแอดเดรสเป็นของตนเอง เช่น budsayaphan@hotmail.com หรือ budsayaphan@yahoo.com โดยได้รับแอดเดรสจากการที่คุณสมัครเป็นสมาชิกตามเว็บที่มีการบริการอีเมล์
แอดเดรสแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ชื่อผู้ใช้(user name) และชื่อโดเมน(domain name) ซึ่งผู้ใช้หมายถึงชื่อหรือชื่อใดๆ ของผู้ใช้อีเมล์ ข้างหลังชื่อผู้ใช้จะเป็นเครื่องหมาย @ (at sign) แปลว่า ที่ คั่นระหว่างชื่อกับโดเมน
ส่วนที่เป็นชื่อของโดเมนจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์และสถานที่ตั้งของคอมพิวเตอร์ เช่น
budsayaphan @ hotmail. com ชื่อผู้ใช้ ที่ ชื่อโดเมน รหัส โดเมน เป็นลำดับชั้นของเครือข่ายโดยจะใช้เครื่องหมาย จุด คั่นระหว่างลำดับชั้น ลำดับชั้นที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ทางด้านขวาสุด แนวความคิดของการแบ่งลำดับชั้นของโดเมนก็คล้ายกับการแบ่งที่อยู่ออกเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และประเทศ
[แก้ไข] ระบบการทำงานของจดหมายอิเล็กทรอกนิกส์
เป็นระบบที่บุคลากรในหน่วยงานของจังหวัด สามารถติดต่อสื่อสารกันโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดจะเป็นผู้แจกจ่าย E-mail address ให้กับบุคคลภายในหน่วยงานของจังหวัด ซึ่งลักษณะการใช้งานจะเป็นลักษณะของ Web Application สามารถใช้บริการ Web mail Application ได้ในลักษณะดังต่อไปนี้
1.สามารถส่ง E-mail ไปยังผู้รับที่อยู่ในเครือข่ายของจังหวัด หรือผู้รับที่อยู่ภายนอกเครือข่ายของจังหวัดได้
2.มีระบบบัญชีรายชื่อส่วนตัว (Address book) ที่สามารถเลือกส่ง E-mail ได้
3.ในการส่ง E-mail สามารถแนบแฟ้มข้อมูลที่ต้องการส่งไปได้
4.สามารถลบ E-mail ที่ไม่ต้องการออกได้
5.สามารถใช้งานร่วมกับระบบงานสารบรรณได้
[แก้ไข] การสมัครจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ในบทเรียนนี้จะสมัครที่ www.hotmail.com ดังนี้
เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ Hotmail ให้คลิกปุ่ม Sign Up(หรือลงทะเบียน)
เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Get it free เำืพื่อสมัครฟรีไม่เสียตังค์
จากนั้นจะโชว์หน้าต่างที่ให้เรากรอกรายละเอียดข้อมูลของเราเอง ดังภาพด้านล่าง
ซึ่งเมื่อเรากรอกข้อมูลของเราเสร็จทุกส่วนแล้ว Hotmail จะให้เรากรอกรหัสดังภาพ
ซึ่งเราต้องกรอกให้ครบและถูกต้องทั้ง 8 ตัวอักษร แล้วกดปุ่ม I accept (คือการยอมรับ) รอสักครู่ ...... จะขึ้นหน้าต่างให้เราเลือกรุ่น ดังนี้
ให้เราเลือก Give me the classic version ระบบจะเข้าไปยังกล่องจดหมายเรา ก็ถือว่าการสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว
[แก้ไข] การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ในการส่ง E-Mail นั้น เราต้องทำการเข้าไปยังกล่องจดหมายของเราก่อน ดังนี้
ทำการป้อน E-mail address(เบอร์อีเมล์) และPassword(รหัสผ่าน) แล้วคลิกไปที่ Sign in จะเข้าไปยังกล่องจดหมาย ดังนี้
ให้เราคลิกไปที่ ปุ่ม New ด้านบน เพื่อเข้าไปสร้างจดหมายฉบับใหม่
ตรงส่วน To คือใส่แอดเดรสอีเมล์ของผู้ที่เราจะส่งไปให้ ตรงส่วน Subject ใส่หัวเรื่องที่เราจะส่งไปให้ว่าเรื่องอะไร แล้วใส่ข้อความต่างๆที่ต้องการจะส่งด้านล่าง แล้วกดปุ่ม sendเพื่อทำการส่งจดหมาย ก็เป็นอันว่าส่งจดหมายเรียบร้อยแล้ว
เครือข่ายใยแมงมุม
เครือข่ายใยแมงมุม หรือ WWW (World Wide Web) . 2545. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http://www.srithai.com/
เครือข่ายใยแมงมุม หรือ WWW (World Wide Web)หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เว็บ"เวิลด์ ไวด์ เว็บเป็นบริการหนึ่งที่อยู่บนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การพัฒนาของเครือข่ายใยแมงมุม ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี ด้านมัลติมีเดียทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทวีความมหัศจรรย์ให้กับการศึกษาในโลกไร้พรมแดน และกลายเป็น แหล่งทรัพยากรของกระบวนการเรียนการสอน ที่สนองต่อกระบวนการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดียิ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้มีผู้สนใจใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่มากนัก เนื่องจากการใช้บริการ อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข่าวสารข้อมูล การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การสำเนา แฟ้มข้อมูล ฯลฯ จะอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร (Text Mode)เท่านั้น ไม่มีการแสดงที่เป็นรูปภาพ เสียง ภาพยนตร์ และไม่มีอักษรแบบ ต่าง ๆ ปรากฎให้เห็นแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้ใช้ จะต้องเรียนรู้ การใช้คำสั่งคอมพิวเตอร์มากมาย เช่น ต้องเรียนรู้คำสั่งเบื้องต้นของยูนิกซ์ (UNIX) เนื่องจากเมื่อ จะมีการเรียกใช้งานอินเทอร์เน็ต เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ จะอยู่ภายใต้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องเรียนรู้คำสั่งเบื้องต้นของยูนิกซ์ เพื่อทำการป้อนคำสั่งที่เป็นตัวอักษรด้วยตัวเองจนกระทั่งมีบริการที่เรียกว่า World Wide Web (WWW) หรือ เครือข่ายใยแมงมุมเกิดขึ้น ทำให้ความนิยมการใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้น เนื่องจาก WWW เป็นบริการหนึ่งที่อยู่ใน อินเทอร์เน็ต ที่ใช้งานได้ง่าย สะดวก ผู้ใช้ไม่ต้องจำคำสั่งของยูนิกซ์อีกต่อไป การอ่านและค้นหาข้อมูลสามารถกระทำได้เพียงแต่กดปุ่มเมาส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นส่วนประกอบของเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) การที่จะใช้บริการ WWW ได้นั้นจำเป็นจะต้อง มีส่วนประกอบ2 ส่วน ดังนี้
1. แหล่งข้อมูล หรือเว็บไซต์ (Web Site) 2. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser)
แหล่งข้อมูล หรือ เว็บไซต์คือระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นแหล่งเก็บเว็บเพจ ที่ผู้ใช้บริการสามารถเรียกดูเว็บเพจที่ เก็บอยู่ในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์อาจจะใช้ระบบปฏิบัติเว็บเพจเป็นเอกสารแบบไฮเปอร์เท็ก (Hypertext document) เก็บอยู่ที่เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปของแฟ้ม ข้อมูลที่มักจะสร้างขึ้นด้การ ยูนิกซ์ (UNIX) หรือวินโดวส์เอนที (Windows NT) ก็ได้ ผู้เป็นเจ้าขอเว็บไซต์จะจัดสร้างเว็บเพจ ของตนเก็บไว้ที่เว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้คนอื่นทั่วโลก สามารถเข้ามาดูเว็บเพจที่เก็บไว้ในเว็บไซต์นั้นได้ เช่นเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จะเก็บอยู่ที่เว็บไซต์ http://ww.swu.ac.th ด้วยภาษา HTML (Hypertext Markup Language) โดยมี นามสกุลเป็น htm หรือ htmlโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) เป็นโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ ในการเข้าสู่WWW และเปิดดูเว็บเพจ ผู้ใช้สามารถเรียกข้อมูลนั้นขึ้นมาแสดงได้โดยใช้โปรแกรม ประเภท Web Browserเช่น Netscape หรือ Internet Explorer เว็บเพจที่เป็นหน้าแรก ของเว็บเพจ นิยมเรียกกันว่า "โฮมเพจ" (Home Page)
การเข้าถึงเว็บเพจใดๆ นั้นผู้ใช้จะต้องทราบตำแหน่งที่อยู่ของเพจนั้น ๆ บนเว็บเสียก่อนตำแหน่งที่อยู่เหล่านี้ เรียกว่า URL (Uniform Resource Locators)
เครือข่ายใยแมงมุม หรือ WWW (World Wide Web)หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เว็บ"เวิลด์ ไวด์ เว็บเป็นบริการหนึ่งที่อยู่บนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การพัฒนาของเครือข่ายใยแมงมุม ได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี ด้านมัลติมีเดียทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทวีความมหัศจรรย์ให้กับการศึกษาในโลกไร้พรมแดน และกลายเป็น แหล่งทรัพยากรของกระบวนการเรียนการสอน ที่สนองต่อกระบวนการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดียิ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้มีผู้สนใจใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่มากนัก เนื่องจากการใช้บริการ อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข่าวสารข้อมูล การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การสำเนา แฟ้มข้อมูล ฯลฯ จะอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร (Text Mode)เท่านั้น ไม่มีการแสดงที่เป็นรูปภาพ เสียง ภาพยนตร์ และไม่มีอักษรแบบ ต่าง ๆ ปรากฎให้เห็นแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้ใช้ จะต้องเรียนรู้ การใช้คำสั่งคอมพิวเตอร์มากมาย เช่น ต้องเรียนรู้คำสั่งเบื้องต้นของยูนิกซ์ (UNIX) เนื่องจากเมื่อ จะมีการเรียกใช้งานอินเทอร์เน็ต เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ จะอยู่ภายใต้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องเรียนรู้คำสั่งเบื้องต้นของยูนิกซ์ เพื่อทำการป้อนคำสั่งที่เป็นตัวอักษรด้วยตัวเองจนกระทั่งมีบริการที่เรียกว่า World Wide Web (WWW) หรือ เครือข่ายใยแมงมุมเกิดขึ้น ทำให้ความนิยมการใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้น เนื่องจาก WWW เป็นบริการหนึ่งที่อยู่ใน อินเทอร์เน็ต ที่ใช้งานได้ง่าย สะดวก ผู้ใช้ไม่ต้องจำคำสั่งของยูนิกซ์อีกต่อไป การอ่านและค้นหาข้อมูลสามารถกระทำได้เพียงแต่กดปุ่มเมาส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นส่วนประกอบของเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) การที่จะใช้บริการ WWW ได้นั้นจำเป็นจะต้อง มีส่วนประกอบ2 ส่วน ดังนี้
1. แหล่งข้อมูล หรือเว็บไซต์ (Web Site) 2. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser)
แหล่งข้อมูล หรือ เว็บไซต์คือระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นแหล่งเก็บเว็บเพจ ที่ผู้ใช้บริการสามารถเรียกดูเว็บเพจที่ เก็บอยู่ในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์อาจจะใช้ระบบปฏิบัติเว็บเพจเป็นเอกสารแบบไฮเปอร์เท็ก (Hypertext document) เก็บอยู่ที่เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปของแฟ้ม ข้อมูลที่มักจะสร้างขึ้นด้การ ยูนิกซ์ (UNIX) หรือวินโดวส์เอนที (Windows NT) ก็ได้ ผู้เป็นเจ้าขอเว็บไซต์จะจัดสร้างเว็บเพจ ของตนเก็บไว้ที่เว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้คนอื่นทั่วโลก สามารถเข้ามาดูเว็บเพจที่เก็บไว้ในเว็บไซต์นั้นได้ เช่นเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จะเก็บอยู่ที่เว็บไซต์ http://ww.swu.ac.th ด้วยภาษา HTML (Hypertext Markup Language) โดยมี นามสกุลเป็น htm หรือ htmlโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) เป็นโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ ในการเข้าสู่WWW และเปิดดูเว็บเพจ ผู้ใช้สามารถเรียกข้อมูลนั้นขึ้นมาแสดงได้โดยใช้โปรแกรม ประเภท Web Browserเช่น Netscape หรือ Internet Explorer เว็บเพจที่เป็นหน้าแรก ของเว็บเพจ นิยมเรียกกันว่า "โฮมเพจ" (Home Page)
การเข้าถึงเว็บเพจใดๆ นั้นผู้ใช้จะต้องทราบตำแหน่งที่อยู่ของเพจนั้น ๆ บนเว็บเสียก่อนตำแหน่งที่อยู่เหล่านี้ เรียกว่า URL (Uniform Resource Locators)
วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การตั้งค่า และความหมายของ Bios
การเข้าสู่ BIOS Setup Mode
สำหรับวิธีการที่จะเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้นั้น จะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละเครื่องด้วย โดยปกติเมื่อเราทำการเปิดสวิทช์ไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS
ก็จะเริ่มทำงานโดยทำการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะเรียกใช้งานระบบ DOS จากแผ่น Floppy Disk หรือ Hard Disk ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราสามารถเข้าไป
ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้โดยกด Key ต่าง ๆ เช่น DEL, ESC CTRL-ESC, CTRL-ALT-ESC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละเครื่องจะตั้งไว้
อย่างไร ส่วนใหญ่ จะมีข้อความบอกเช่น "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เป็นต้น
ปุ่ม Key ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการ Setup BIOS ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกัน โดยจะมีรูปแบบทั่วไปดังนี้
- Up, Down, Left, Right ใช้สำหรับเลื่อนเมนูตามต้องการ
- Page Up, Page Down ใช้สำหรับเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนแปลงค่าตามต้องการ
- ESC Key ใช้สำหรับย้อนกลับไปเมนูแรกก่อนหน้านั้น
- Enter Key ใช้สำหรับเลือกที่เมนูตามต้องการ
- F1, F2 ถึง F10 ใช้สำหรับการทำรายการตามที่ระบุในเมนู BIOS Setup
ตัวอย่างการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS Setup
สำหรับตัวอย่างต่อไปนี้ผมนำมาให้ดูแบบรวมทั่ว ๆ ไปของ BIOS เท่าที่หาข้อมูลได้นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key
อื่น ๆ ขณะเปิดเครื่องเพื่อเข้าสู่ BIOS Setup Mode โดยปกติแล้ว ถ้าหากเป็นการตั้งค่าครั้งแรก หลังจากที่ทำการ Reset CMOS แล้ว ก็เลือกที่เมนู Load BIOS
Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการตั้งค่าแบบกลาง ๆ ของอุปกรณ์ทั่วไปก่อน จากนั้นจึงมาทำการเลือกแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่ละ
ค่าตามเมนูต่อไปนี้
Standard CMOS Setup
Date และ Time ใส่ วันที่ และ เวลา ปัจจุบัน
Hard Disk กำหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) ว่ามีขนาดเท่าไร โดยเลือกตั้งค่าเองแบบ User, แบบอัตโนมัติ Auto หรือไม่ได้ติดตั้งก็เลือกที่ None
Primary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Master
Primary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Slave
Secondary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Master
Secondary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Slave
- Cyls จำนวน cylinders ใส่ตามคู่มือ HDD
- Heads จำนวน heads ใส่ตามคู่มือ HDD
- Precomp write precompensation cylinder ไม่ต้องกำหนดหรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Landz landing zone ไม่ต้องกำหนด หรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Sectors จำนวน sectors ใส่ตามคู่มือ HDD
Mode ถ้าหากทราบค่าที่แน่นอนให้ใส่เป็น User แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้ตั้ง Auto ไว้
- Auto BIOS จะทำการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ
- Normal สำหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไม่เกิน 1024,16,63
- Large สำหรับ HDD ที่มี cyls มากกว่า 1024 แต่ไม่ support LBA Mode
- LBA Logical Block Addressing สำหรับ HDD ใหม่ ๆ จะมีการส่งข้อมูลที่เร็วกว่า
Drive A: B: ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใช้งาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44M
Video ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเป็น EGA/VGA)
Halt On กำหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test)
- All errors การ POST จะหยุดและแสดง prompts ให้เลือกการทำงานต่อไปทุก Error
- All, But Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error
- All, But Disk การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Disk Drive Error
- All, But Disk/Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Disk Error
Memory จะแสดงขนาดของ Memory ที่ใส่อยู่ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
- Base Memory โดยปกติจะเป็น 640K สำหรับ DOS
- Extended คือ Memory ในส่วนที่สูงกว่า 1M ขึ้นไป
- Other Memory หมายถึงส่วนของระหว่าง 640K ถึง 1M
BIOS Features Setup
Virus Warning การเตือนเมื่อมีการเขียนข้อมูลทับ Boot Record ของ HDD [Enabled]
CPU Int / Ext cache การใช้งาน CPU Internal / External Cache [Enabled]
CPU L2 Cache ECC Check การใช้ External Cache แบบ ECC SRAMs
Quick Power On Seft Test การทำ POST แบบเร็ว [Enabled]
Boot Sequence เลือกลำดับของการบูทเช่นจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:]
Swap Floppy Disk กำหนดการสลับตำแหน่ง Drive A: เป็น Drive B: [Disabled]
Boot Up Floppy Seek การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive ว่าเป็นแบบใด [Disabled]
Boot Up NumLock Status กำหนดการทำงานของ Key NumLock หลังจากเปิดเครื่อง [Disabled]
Boot Up System Speed กำหนดความเร็ว CPU หลังจากเปิดเครื่อง [High]
Gate A20 Option การเข้าถึง Address memory ส่วนที่สูงกว่า 1M [Fast]
Typematic Rate Setting กำหนดความเร็วของการกด Key [Enabled]
Typematic Rate (Chars/Sec) กำหนดความเร็วของการกด Key [6]
Typematic Delay (Msec) กำหนดค่า delay ของการกด Key [250]
Security Option กำหนดการตั้งรหัสผ่านของการ Setup BIOS หรือ System [Setup]
PS/2 Mouse Control กำหนดการใช้งาน PS/2 Mouse [Disabled]
PCI/VGA Palette Snoop แก้ปัญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใช้การ์ดวีดีโออื่น ๆ ร่วมด้วย [Disabled]
Assign IRQ for VGA กำหนดการใช้ IRQ ให้กับการ์ดจอ [Enabled]
OS Select for DRAM > 64M การกำหนดหน่วยความจำสำหรับ OS2 [Non-OS]
HDD S.M.A.R.T capability Self-Monitering Analysis and Reporting Technology ควรเลือก [Enabled]
Video BIOS Shadow กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดแสดงผล C0000-C4000 ควรเลือก [Enabled
Adapter ROM กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดที่เสียบเพิ่มเติม
- C8000 ใช้กับการ์ดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว)
- CC000 ใช้กับการ์ด controller บางประเภท [Disabled]
- D0000 ใช้กับการ์ด LAN [ถ้าไม่ใช้ตั้ง Disabled]
- D4000 ใช้กับ controller สำหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled]
- D8000 ตั้ง [Disable]
- DC000 ตั้ง [Disable]
- E0000 ตั้ง [Disable]
- E4000 ตั้ง [Disable]
- E8000 ตั้ง [Disable]
System ROM การทำ Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]
Chipset Features Setup
Auto Configuration คือให้ BIOS จัดการค่าต่างๆโดยอัตโนมัติซึ่งจะเป็นค่ากลาง ๆ
Hidden Refresh การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled]
Slow Refresh ให้ DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เท่า [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Concurrent Refresh การอ่าน-เขียนข้อมูล ได้พร้อมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Burst Refresh การเติมประจุไฟลง DRAM ได้หลายๆ รอบในการทำงานครั้งเดียว [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
DRAM Brust at 4 Refresh จำนวนการ Burst Refresh เป็น 4 รอบในการทำงาน 1ครั้ง [Enabled]
Staggered Refresh การเติมประจุล่วงหน้าใน DRAM ใน Bank ถัดไปด้วย [Enabled]
Refresh RAS Active Time ให้ทดลองกำหนดค่าน้อยที่สุดเท่าที่เครื่องจะสามารถทำงานได้
AT Cycle Wait State เวลาที่รอให้การ์ด ISA พร้อม ให้ตั้งค่าที่น้อยสุดเท่าที่เครื่องทำงานได้
16-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
8-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ให้ตั้งน้อยสุดที่ทำงานได้
DMA Clock Source กำหนดความเร็วของอุปกรณ์ DMA โดยมีค่าปกติคือ 5 MHz
Memory Remapping หากเปิดการทำงานนี้ไว้จะทำ Shadows กับ BIOS ใดๆ ไม่ได้ [Disable]
Cache Read Hit Burst หรือ SRAM Read Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Cache Write Hit Burst หรือ SRAM Write Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Fast Cache Read / Write ให้แคชทำงานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมื่อแคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KB
Tag Ram Includes Ditry ให้แคชทำงานในโหมดเขียนทับโดยไม่ต้องย้าย/ลบข้อมูลเดิมออกก่อน หากมี Ram น้อยกว่า 256 MB ควรใช้ Dirty Bit
Non-Cacheable Block-1 Size กำหนดขนาดหน่วยความจำที่ห้ามทำแคช [OK หรือ Disabled]
RAS to CAS Delay Time ค่าหน่วงเวลาก่อนที่จะสลับการทำงาน RAS-CAS ตั้งค่าน้อยที่สุด เท่าที่ทำงานได้
CAS Before RAS การสลับลำดับการทำงานระหว่าง RAS และ CAS
CAS Width in Read Cycle กำหนดค่าหน่วงเวลาก่อนที่ซีพียูจะเริ่มอ่านข้อมูลใน DRAM ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
Interleave Mode ให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจาก DRAM ในโหมด Interleave
Fast Page Mode DRAM ให้หน่วยความจำทำงานแบบ FPM โดยไม่ต้องอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกว่า
SDRAM CAS Latency Time หรือ SDRAM Cycle Length ระยะรอบการทำงานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งค่าน้อยที่สุด หรือใช้ค่า 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใช้ค่า 3 กับ RAM ชนิด ความเร็วแบบ PC66/83
Read Around Write กำหนดให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้ในคราวเดียวกัน [Enabled]
DRAM Data Integrity Mode เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAM
System BIOS Cacheable การทำแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled]
Video BIOS Cacheable การทำแคชของ Video BIOS ROM [Enabled]
Video RAM Cacheable การทำแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถ้าไม่มีปัญหา]
Memory Hole at 15M-16M การจองพื้นที่สำหรับ ISA Adapter ROM [Enabled]
Passive Release กำหนด CPU to PCI bus accesses ช่วง passive release [Enabled]
Delayed Transaction เลือก Enable สำหรับ PCI version 2.1
AGP Aperture Size (MB) กำหนดขนาดของ AGP Aperture กำหนดเป็นครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด
Power Management
Max Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุด
User Define กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งค่าเอง
Min Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ำสุด
PM Control by APM กำหนดให้ควบคุมการประหยัดพลังงานผ่านทางซอฟท์แวร์ APM
Video Off Method กำหนดวิธีการปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
- V/H SYNC + Blank จะปิดการทำงาน V/H SYNC และดับจอภาพด้วย Blank Screen
- DPMS สำหรับการ์ดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS
- Blank Screen จะทำการแสดงหน้าจอว่าง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สำหรับจอรุ่นเก่า ๆ
Video Off After ให้ปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ Suspend
Standby Mode กำหนดระยะเวลาเมื่อพบว่าไม่มีการใช้งาน จะหยุดทำงานของอุปกรณ์บางส่วน
Supend Mode จะตัดการทำงานบางส่วนคล้าย Standby Mode แต่หยุดอุปกรณ์ที่มากกว่า
HDD Power Down กำหนดระยะเวลาก่อนที่ BIOS จะหยุดการทำงานของ HDD
Resume by Ring เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้
Resume by Alarm เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทำงานจาก Suspend Mode ได้
Wake Up On LAN เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้
Integrated Peripherals
IDE HDD BLOCKS MODE ให้ HDD อ่าน-เขียนข้อมูลได้ครั้งละหลาย Sector พร้อมกัน [Enabled]
IDE PIO Mode... กำหนดการทำงานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto]
IDE UDMA... กำหนดการทำงานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto]
On-Chip PCI IDE กำหนดการใช้ช่องเสียบ HDD IDE ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
USB Keyboard Support กำหนดให้ใช้ Keyboard แบบ USB [Enabled]
Onboard FDC Controller กำหนดให้ใช้ช่องเสียบ Disk Drive ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
Onboard Serial Port 1 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM1 ค่าปกติคือ 3F8/IRQ4
Onboard Serial Port 2 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM2 ค่าปกติคือ 2F8/IRQ3
- SPP (Standard Parallel Port) คือโหมดมาตรฐานเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นเก่าๆ
- EPP (Enhanced Parallel Port) คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่
ECP MODE USE DMA คือกำหนด DMA สำหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งค่าปกติคือ 3
การตั้งค่าอื่น ๆ
Load BIOS Default Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ให้เป็นแบบกลาง ๆ สำหรับอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป หรือเป็นการตั้งค่าแบบ Factory Setup ก็ได้
Load BIOS Optimize Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
Password Setting
ใช้สำหรับการตั้ง Password เมื่อต้องการจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อต้องการจะเปิดเครื่อง โดยปกติเมื่อใส่ Password ระบบจะให้ใส่ Confirm ซ้ำ 2 รอบเพื่อป้องกันการใส่ผิดพลาด (ไม่ใส่อะไรเลย คือการยกเลิก password)
HDD Low Level Format
เป็นเมนูสำหรับทำ Low Level Format ของ Hard Disk ซึ่งใช้สำหรับทำการ Format Hard Disk แบบระดับต่ำสุด ซึ่งถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรกับ Hard Disk ก็ไม่จำเป็นต้องทำ
Exit with Save Setting หรือ Exit without Save Setting
เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS แล้วต้องทำการ Save เก็บไว้ด้วยนะครับ ส่วนใหญ่เมื่อทำการ Save แล้วจะบูทเครื่องใหม่ ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้
จึงจะใช้งานได้
CPU Setup
นอกจากนี้ ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบบ Jumper Free (ไม่ใช้ Jumper แต่จะใช้เมนูใน BIOS สำหรับตั้งค่าต่าง ๆ ) จะสามารถตั้งค่าของความเร็ว CPU, ค่า multiple หรือ FSB, ค่าไฟ Vcore และอื่น ๆ อีกแล้วแต่รุ่นของเมนบอร์ดนั้น ๆ
สำหรับวิธีการที่จะเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้นั้น จะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละเครื่องด้วย โดยปกติเมื่อเราทำการเปิดสวิทช์ไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS
ก็จะเริ่มทำงานโดยทำการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะเรียกใช้งานระบบ DOS จากแผ่น Floppy Disk หรือ Hard Disk ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราสามารถเข้าไป
ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้โดยกด Key ต่าง ๆ เช่น DEL, ESC CTRL-ESC, CTRL-ALT-ESC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละเครื่องจะตั้งไว้
อย่างไร ส่วนใหญ่ จะมีข้อความบอกเช่น "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เป็นต้น
ปุ่ม Key ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการ Setup BIOS ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกัน โดยจะมีรูปแบบทั่วไปดังนี้
- Up, Down, Left, Right ใช้สำหรับเลื่อนเมนูตามต้องการ
- Page Up, Page Down ใช้สำหรับเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนแปลงค่าตามต้องการ
- ESC Key ใช้สำหรับย้อนกลับไปเมนูแรกก่อนหน้านั้น
- Enter Key ใช้สำหรับเลือกที่เมนูตามต้องการ
- F1, F2 ถึง F10 ใช้สำหรับการทำรายการตามที่ระบุในเมนู BIOS Setup
ตัวอย่างการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS Setup
สำหรับตัวอย่างต่อไปนี้ผมนำมาให้ดูแบบรวมทั่ว ๆ ไปของ BIOS เท่าที่หาข้อมูลได้นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key
อื่น ๆ ขณะเปิดเครื่องเพื่อเข้าสู่ BIOS Setup Mode โดยปกติแล้ว ถ้าหากเป็นการตั้งค่าครั้งแรก หลังจากที่ทำการ Reset CMOS แล้ว ก็เลือกที่เมนู Load BIOS
Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการตั้งค่าแบบกลาง ๆ ของอุปกรณ์ทั่วไปก่อน จากนั้นจึงมาทำการเลือกแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่ละ
ค่าตามเมนูต่อไปนี้
Standard CMOS Setup
Date และ Time ใส่ วันที่ และ เวลา ปัจจุบัน
Hard Disk กำหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) ว่ามีขนาดเท่าไร โดยเลือกตั้งค่าเองแบบ User, แบบอัตโนมัติ Auto หรือไม่ได้ติดตั้งก็เลือกที่ None
Primary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Master
Primary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ Slave
Secondary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Master
Secondary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Slave
- Cyls จำนวน cylinders ใส่ตามคู่มือ HDD
- Heads จำนวน heads ใส่ตามคู่มือ HDD
- Precomp write precompensation cylinder ไม่ต้องกำหนดหรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Landz landing zone ไม่ต้องกำหนด หรือใส่ตามคู่มือ HDD
- Sectors จำนวน sectors ใส่ตามคู่มือ HDD
Mode ถ้าหากทราบค่าที่แน่นอนให้ใส่เป็น User แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้ตั้ง Auto ไว้
- Auto BIOS จะทำการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ
- Normal สำหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไม่เกิน 1024,16,63
- Large สำหรับ HDD ที่มี cyls มากกว่า 1024 แต่ไม่ support LBA Mode
- LBA Logical Block Addressing สำหรับ HDD ใหม่ ๆ จะมีการส่งข้อมูลที่เร็วกว่า
Drive A: B: ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใช้งาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44M
Video ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเป็น EGA/VGA)
Halt On กำหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test)
- All errors การ POST จะหยุดและแสดง prompts ให้เลือกการทำงานต่อไปทุก Error
- All, But Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error
- All, But Disk การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Disk Drive Error
- All, But Disk/Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Disk Error
Memory จะแสดงขนาดของ Memory ที่ใส่อยู่ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
- Base Memory โดยปกติจะเป็น 640K สำหรับ DOS
- Extended คือ Memory ในส่วนที่สูงกว่า 1M ขึ้นไป
- Other Memory หมายถึงส่วนของระหว่าง 640K ถึง 1M
BIOS Features Setup
Virus Warning การเตือนเมื่อมีการเขียนข้อมูลทับ Boot Record ของ HDD [Enabled]
CPU Int / Ext cache การใช้งาน CPU Internal / External Cache [Enabled]
CPU L2 Cache ECC Check การใช้ External Cache แบบ ECC SRAMs
Quick Power On Seft Test การทำ POST แบบเร็ว [Enabled]
Boot Sequence เลือกลำดับของการบูทเช่นจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:]
Swap Floppy Disk กำหนดการสลับตำแหน่ง Drive A: เป็น Drive B: [Disabled]
Boot Up Floppy Seek การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive ว่าเป็นแบบใด [Disabled]
Boot Up NumLock Status กำหนดการทำงานของ Key NumLock หลังจากเปิดเครื่อง [Disabled]
Boot Up System Speed กำหนดความเร็ว CPU หลังจากเปิดเครื่อง [High]
Gate A20 Option การเข้าถึง Address memory ส่วนที่สูงกว่า 1M [Fast]
Typematic Rate Setting กำหนดความเร็วของการกด Key [Enabled]
Typematic Rate (Chars/Sec) กำหนดความเร็วของการกด Key [6]
Typematic Delay (Msec) กำหนดค่า delay ของการกด Key [250]
Security Option กำหนดการตั้งรหัสผ่านของการ Setup BIOS หรือ System [Setup]
PS/2 Mouse Control กำหนดการใช้งาน PS/2 Mouse [Disabled]
PCI/VGA Palette Snoop แก้ปัญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใช้การ์ดวีดีโออื่น ๆ ร่วมด้วย [Disabled]
Assign IRQ for VGA กำหนดการใช้ IRQ ให้กับการ์ดจอ [Enabled]
OS Select for DRAM > 64M การกำหนดหน่วยความจำสำหรับ OS2 [Non-OS]
HDD S.M.A.R.T capability Self-Monitering Analysis and Reporting Technology ควรเลือก [Enabled]
Video BIOS Shadow กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดแสดงผล C0000-C4000 ควรเลือก [Enabled
Adapter ROM กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดที่เสียบเพิ่มเติม
- C8000 ใช้กับการ์ดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว)
- CC000 ใช้กับการ์ด controller บางประเภท [Disabled]
- D0000 ใช้กับการ์ด LAN [ถ้าไม่ใช้ตั้ง Disabled]
- D4000 ใช้กับ controller สำหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled]
- D8000 ตั้ง [Disable]
- DC000 ตั้ง [Disable]
- E0000 ตั้ง [Disable]
- E4000 ตั้ง [Disable]
- E8000 ตั้ง [Disable]
System ROM การทำ Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]
Chipset Features Setup
Auto Configuration คือให้ BIOS จัดการค่าต่างๆโดยอัตโนมัติซึ่งจะเป็นค่ากลาง ๆ
Hidden Refresh การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled]
Slow Refresh ให้ DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เท่า [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Concurrent Refresh การอ่าน-เขียนข้อมูล ได้พร้อมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
Burst Refresh การเติมประจุไฟลง DRAM ได้หลายๆ รอบในการทำงานครั้งเดียว [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]
DRAM Brust at 4 Refresh จำนวนการ Burst Refresh เป็น 4 รอบในการทำงาน 1ครั้ง [Enabled]
Staggered Refresh การเติมประจุล่วงหน้าใน DRAM ใน Bank ถัดไปด้วย [Enabled]
Refresh RAS Active Time ให้ทดลองกำหนดค่าน้อยที่สุดเท่าที่เครื่องจะสามารถทำงานได้
AT Cycle Wait State เวลาที่รอให้การ์ด ISA พร้อม ให้ตั้งค่าที่น้อยสุดเท่าที่เครื่องทำงานได้
16-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
8-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ให้ตั้งน้อยสุดที่ทำงานได้
DMA Clock Source กำหนดความเร็วของอุปกรณ์ DMA โดยมีค่าปกติคือ 5 MHz
Memory Remapping หากเปิดการทำงานนี้ไว้จะทำ Shadows กับ BIOS ใดๆ ไม่ได้ [Disable]
Cache Read Hit Burst หรือ SRAM Read Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Cache Write Hit Burst หรือ SRAM Write Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้
Fast Cache Read / Write ให้แคชทำงานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมื่อแคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KB
Tag Ram Includes Ditry ให้แคชทำงานในโหมดเขียนทับโดยไม่ต้องย้าย/ลบข้อมูลเดิมออกก่อน หากมี Ram น้อยกว่า 256 MB ควรใช้ Dirty Bit
Non-Cacheable Block-1 Size กำหนดขนาดหน่วยความจำที่ห้ามทำแคช [OK หรือ Disabled]
RAS to CAS Delay Time ค่าหน่วงเวลาก่อนที่จะสลับการทำงาน RAS-CAS ตั้งค่าน้อยที่สุด เท่าที่ทำงานได้
CAS Before RAS การสลับลำดับการทำงานระหว่าง RAS และ CAS
CAS Width in Read Cycle กำหนดค่าหน่วงเวลาก่อนที่ซีพียูจะเริ่มอ่านข้อมูลใน DRAM ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้
Interleave Mode ให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจาก DRAM ในโหมด Interleave
Fast Page Mode DRAM ให้หน่วยความจำทำงานแบบ FPM โดยไม่ต้องอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกว่า
SDRAM CAS Latency Time หรือ SDRAM Cycle Length ระยะรอบการทำงานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งค่าน้อยที่สุด หรือใช้ค่า 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใช้ค่า 3 กับ RAM ชนิด ความเร็วแบบ PC66/83
Read Around Write กำหนดให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้ในคราวเดียวกัน [Enabled]
DRAM Data Integrity Mode เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAM
System BIOS Cacheable การทำแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled]
Video BIOS Cacheable การทำแคชของ Video BIOS ROM [Enabled]
Video RAM Cacheable การทำแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถ้าไม่มีปัญหา]
Memory Hole at 15M-16M การจองพื้นที่สำหรับ ISA Adapter ROM [Enabled]
Passive Release กำหนด CPU to PCI bus accesses ช่วง passive release [Enabled]
Delayed Transaction เลือก Enable สำหรับ PCI version 2.1
AGP Aperture Size (MB) กำหนดขนาดของ AGP Aperture กำหนดเป็นครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด
Power Management
Max Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุด
User Define กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งค่าเอง
Min Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ำสุด
PM Control by APM กำหนดให้ควบคุมการประหยัดพลังงานผ่านทางซอฟท์แวร์ APM
Video Off Method กำหนดวิธีการปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
- V/H SYNC + Blank จะปิดการทำงาน V/H SYNC และดับจอภาพด้วย Blank Screen
- DPMS สำหรับการ์ดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS
- Blank Screen จะทำการแสดงหน้าจอว่าง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สำหรับจอรุ่นเก่า ๆ
Video Off After ให้ปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ Suspend
Standby Mode กำหนดระยะเวลาเมื่อพบว่าไม่มีการใช้งาน จะหยุดทำงานของอุปกรณ์บางส่วน
Supend Mode จะตัดการทำงานบางส่วนคล้าย Standby Mode แต่หยุดอุปกรณ์ที่มากกว่า
HDD Power Down กำหนดระยะเวลาก่อนที่ BIOS จะหยุดการทำงานของ HDD
Resume by Ring เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้
Resume by Alarm เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทำงานจาก Suspend Mode ได้
Wake Up On LAN เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้
Integrated Peripherals
IDE HDD BLOCKS MODE ให้ HDD อ่าน-เขียนข้อมูลได้ครั้งละหลาย Sector พร้อมกัน [Enabled]
IDE PIO Mode... กำหนดการทำงานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto]
IDE UDMA... กำหนดการทำงานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto]
On-Chip PCI IDE กำหนดการใช้ช่องเสียบ HDD IDE ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
USB Keyboard Support กำหนดให้ใช้ Keyboard แบบ USB [Enabled]
Onboard FDC Controller กำหนดให้ใช้ช่องเสียบ Disk Drive ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]
Onboard Serial Port 1 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM1 ค่าปกติคือ 3F8/IRQ4
Onboard Serial Port 2 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM2 ค่าปกติคือ 2F8/IRQ3
- SPP (Standard Parallel Port) คือโหมดมาตรฐานเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นเก่าๆ
- EPP (Enhanced Parallel Port) คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่
ECP MODE USE DMA คือกำหนด DMA สำหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งค่าปกติคือ 3
การตั้งค่าอื่น ๆ
Load BIOS Default Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ให้เป็นแบบกลาง ๆ สำหรับอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป หรือเป็นการตั้งค่าแบบ Factory Setup ก็ได้
Load BIOS Optimize Setup
เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
Password Setting
ใช้สำหรับการตั้ง Password เมื่อต้องการจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อต้องการจะเปิดเครื่อง โดยปกติเมื่อใส่ Password ระบบจะให้ใส่ Confirm ซ้ำ 2 รอบเพื่อป้องกันการใส่ผิดพลาด (ไม่ใส่อะไรเลย คือการยกเลิก password)
HDD Low Level Format
เป็นเมนูสำหรับทำ Low Level Format ของ Hard Disk ซึ่งใช้สำหรับทำการ Format Hard Disk แบบระดับต่ำสุด ซึ่งถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรกับ Hard Disk ก็ไม่จำเป็นต้องทำ
Exit with Save Setting หรือ Exit without Save Setting
เมื่อทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS แล้วต้องทำการ Save เก็บไว้ด้วยนะครับ ส่วนใหญ่เมื่อทำการ Save แล้วจะบูทเครื่องใหม่ ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้
จึงจะใช้งานได้
CPU Setup
นอกจากนี้ ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบบ Jumper Free (ไม่ใช้ Jumper แต่จะใช้เมนูใน BIOS สำหรับตั้งค่าต่าง ๆ ) จะสามารถตั้งค่าของความเร็ว CPU, ค่า multiple หรือ FSB, ค่าไฟ Vcore และอื่น ๆ อีกแล้วแต่รุ่นของเมนบอร์ดนั้น ๆ
ข้อควรปฏิบัติ 10 ประการ เมื่อคอมมีปัญหา
บ่อยครั้งที่คอมพิวเตอร์มีปัญหา เช่น อาการจอมืด , ซีดีรอมไม่ทำงาน หรือฮาร์ดิสก์เสีย ถึงแม้ว่าตอน ซื้อมาจะมีการรับประกัน 2 ถีง 3 ปี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ใช้จะไม่ได้ซื้อ คอมพ์ทุก 2-3 ปีตามระยะการ ประกัน ดั้งนั้นการซ่อมจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่นี้เรามาดูแนวทางการซ่อมคอมพ์พิวเตอร์ด้วยตนเอง
1. บันทึกทุกอย่างเก็บไว้ แม้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถที่จะทิ้งเอกสารกองโต ออกไปจากโต๊ะทำงาน ได้ก็ตาม แต่ก่อนที่ทิ้งทุกอย่างไป ควรจะทำการหาวิธีในการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เผื่อในกรณีที่อาจเกิดปัญหา ในอนาคต ยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ซึ่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางราย ก็ให้มีการลงทะเบียนกันแบบออนไลด์ แต่อย่าลืมพิมพ์สำเนาออกมาเก็บรวมไว้กับใบเสร็จรับเงิน เก็บใบเสร็จ รับเงินและใบรับประกันทุกอย่างไว้ให้ดี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีการรับประกันแยกต่างหากออกไปไม่รวมกับ ตัวเครื่อง เช่น โมเด็ม , ซีพียู , เมนบอร์ด , จอ และอื่น ๆ
2.ทำการบ้านก่อนเลือกซื้อ ตอนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ ควรจะต้องนึกถึงการซ่อมแซมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการเลือกซื้อก็ต้องคิดอยู่เสมอว่า บางร้านรับซ่อมจะมีการคิดค่าตรวจสอบเครื่องด้วย ไม่ว่าเครื่องจะอยู่ใน ประกันหรือไม่ก็ตาม ก่อนซื้อคงจะต้องทำการบ้านกันให้ดีในเรื่องของประกันที่บริษัทมีให้ ไม่ว่าจะในเรื่องประกัน การขยายระยะประกัน หรือว่าค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาได้ในอนาคต
3.จดบันทึกอาการเสีย เมื่อคอมพ์พิวเตอร์มีอาการผิดปกติขึ้น ให้จดบันทึกอาการต่างไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Error Messages ต่างๆ ซึ่งจะมีประโยชน์และจะมีส่วนช่วยช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สาเหตุเสียได้มาก ให้จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ช่างจะได้ซ่อมได้เร็วและตรงจุด โดยทั่วไปแล้ว คำถามที่ช่างหรือคนที่จะช่วยเหลือคุณมักจะถามเช่น จอภาพแสดงอาการอย่างไร หรือ Error massage ที่เกิดขึ้นคืออะไร เป็นต้น ถ้าคุณสามารถที่จะตอบคำถามเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อช่าง และคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปรึกษากับช่างผ่านทางโทรศัพท์ แลัก่อนที่จะตัดสินใจเลือกร้านซ่อมก็ให้ตรวจระยะเวลา ประกันของคอมพิวเตอร์และบรรดาอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ให้ดี
4.สำรวจให้ทั่ว ๆ การนำเครื่อคอมพิวเตอร์ไปซ่อมกับบริษัทที่คุณซื้อมาก็ไม่ใช้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีเสมอไป เพราะบางครั้งถ้าศึกษาให้ดี ๆ อาจพบว่า ซ่อมกับบริษัทอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลา มากกว่าที่ตวรเป็นก็ได้ วิธีที่น่าจะดีกว่า ก็คือลองสำรวจร้านอื่น ๆ ดูไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ ตรวจสอบข้อมูลเรื่องเวลาและราคาในการซ่อมเช่น ค่าตรวจเครื่อง ค่าแรง หรือค่าซ่อมนอกสถานที่ (ในกรณีที่ต้องการให้ช่างมาซ่อมที่บ้าน) เป็นต้น ร้านเล็ก ๆ บางครั้งให้ความสำคัญเป็นกันเองกับลูกค้ามากกว่า ร้านใหญ่ ๆ เนื่องจากมีความต้องการอยู่รอดในการแข่งขันกับร้านใหญ่ ๆ ในขณะเดินสำรวจร้านต่าง ๆ อยู่ให้ลองสังเกคร้านที่ติดโลโก้ยี่ห้อดังเช่น ไอบีเอ็ม , คอมแพค , เป็นต้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่า ร้านนั้น ๆ รับซ่อมเครื่องที่อยู่ในประกันของยี่ห้อนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามร้านที่รับซ่อมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะรับซ่อม เครื่องทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
5.ค้นหาบริการทางโทรศัพท์ บางกรณีอาจเป็นการไม่สะดวกที่จะเดินทางไปซ่อมที่ร้านโดยตรง การไปโทรศัพท์ไปปรึกษาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อคุณเริ่มโทรศัพท์หาร้านซ่อม ให้ลองสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คุณได้รับทางโทรศัพท์ เช่นต้องรอสายนานเท่าไร เต็มใจช่วยเหลือหรือไม่ แค่นี้ก็เป็นการช่วยตัดสินใจได้ว่า ควรซ่อมกับร้านนั้นหรือไม่ แล้วอย่าลืมจดชื่อรุ่นหรือ Serial Number ของคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อความสะดวก หรือจะโทรไปรายการ 94 FM ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14:00-15:00 ที่นี้รับตอบปัญหาทุกเรื่องดีมากเลย
6.ค่าธรรมเนียม เมื่อยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเป็นธรรมดาที่ช่างจะสำรวจดูว่ามีอะไรบ้างที่ต้องซ่อม ตั้งแต่สายไฟยันฮาร์ดดิส ซึ่งร้านจำเป็นจะต้องคิดค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบนี้ แต่ก็มีบางร้านเหมือนกัน ที่ไม่คิด แต่ถ้าคุณพอมีความรู้เรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ก็อาจทดลองใช้โปรแกรม Norton Utility ตรวจสอบเครื่องของคุณก่อน บางที่อาจทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินก็ได้ หรือบางที่คุณอาจโทรมาเรียกช่างมาซ่อม ที่บ้านก็ได้ แต่คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น
7.คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน หลังจากที่เครื่องของคุณได้รับการตรวจสอบอาการจากหลาย ๆ ร้านซ่อมแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการตัดสินใจว่า จะซ่อมหรือไม่ซ่อมในร้านใดจึงจะดี ซึ่งบางครั้งร้านซ่อมอาจจะบอกว่าเครื่อง ไม่อยู่ในประกันแล้วหรืออะไหล่ชิ้นที่ต้องการไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข่าวร้ายเหล่านี้เป็นแคเพียงขั้นเริ่มต้นใน การซ่อมคอมพิวเตอร์ของคุณ บางที่คุณอาจลองสอบถามร้านดูว่าสามารถจะเอาอะไหล่เก่าไปแลกอะไหล่ใหม่ ได้หรือไม่ ในกรณีอะไหล่ชิ้นเก่าเลิกผลิตไปแล้ว โดยอาจต้องเพิ่มเงินเล็กน้อย
8.เตรียมเครื่องให้พร้อมก่อนนำไปซ่อม ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านเพื่อทำการซ่อมลองตรวจสอบว่าคุณได้ แบ็กอัพข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ , จด Serial number ของฮาร์ดิสก์ , ซีดีรอม , โมเด็ม และอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่นำมาเปลี่ยน ลบข้อมูลส่วนตัวออกให้หมดเช่น อินเตอร์เน็ทพาสเวิร์ด เพื่อป้องกันถูกลักลอบนำไปใช้
9..ขอเอกสารการซ่อมจากร้าน ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านอย่าลืมขอเอกสารที่บอกถึงชิ้นส่วนที่จะเปลี่ยน และระยะเวลาในการซ่อม ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดเพื่อป้องกันค่าใช้จ่านแอแฝง แล้วอย่าลืมถามถึงการ รับประกันหลังการซ่อม
10.ติดตามความคืบหน้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือคอยโทรไปถามว่าการซ่อมไปถึงไหน เปลี่ยนอะไรบ้าง เสร็จทันกำหนดหรือไม่ และเมื่อไปรับเครื่อง ให้ทดสอบดูก่อนว่าเครื่องทำงานปกติหรือไม่ ก่อนนำเครื่องกลับ
1. บันทึกทุกอย่างเก็บไว้ แม้ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถที่จะทิ้งเอกสารกองโต ออกไปจากโต๊ะทำงาน ได้ก็ตาม แต่ก่อนที่ทิ้งทุกอย่างไป ควรจะทำการหาวิธีในการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ เผื่อในกรณีที่อาจเกิดปัญหา ในอนาคต ยอมเสียเวลาสักเล็กน้อยกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ซึ่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์บางราย ก็ให้มีการลงทะเบียนกันแบบออนไลด์ แต่อย่าลืมพิมพ์สำเนาออกมาเก็บรวมไว้กับใบเสร็จรับเงิน เก็บใบเสร็จ รับเงินและใบรับประกันทุกอย่างไว้ให้ดี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีการรับประกันแยกต่างหากออกไปไม่รวมกับ ตัวเครื่อง เช่น โมเด็ม , ซีพียู , เมนบอร์ด , จอ และอื่น ๆ
2.ทำการบ้านก่อนเลือกซื้อ ตอนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ ควรจะต้องนึกถึงการซ่อมแซมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการเลือกซื้อก็ต้องคิดอยู่เสมอว่า บางร้านรับซ่อมจะมีการคิดค่าตรวจสอบเครื่องด้วย ไม่ว่าเครื่องจะอยู่ใน ประกันหรือไม่ก็ตาม ก่อนซื้อคงจะต้องทำการบ้านกันให้ดีในเรื่องของประกันที่บริษัทมีให้ ไม่ว่าจะในเรื่องประกัน การขยายระยะประกัน หรือว่าค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาได้ในอนาคต
3.จดบันทึกอาการเสีย เมื่อคอมพ์พิวเตอร์มีอาการผิดปกติขึ้น ให้จดบันทึกอาการต่างไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Error Messages ต่างๆ ซึ่งจะมีประโยชน์และจะมีส่วนช่วยช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สาเหตุเสียได้มาก ให้จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ช่างจะได้ซ่อมได้เร็วและตรงจุด โดยทั่วไปแล้ว คำถามที่ช่างหรือคนที่จะช่วยเหลือคุณมักจะถามเช่น จอภาพแสดงอาการอย่างไร หรือ Error massage ที่เกิดขึ้นคืออะไร เป็นต้น ถ้าคุณสามารถที่จะตอบคำถามเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อช่าง และคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณปรึกษากับช่างผ่านทางโทรศัพท์ แลัก่อนที่จะตัดสินใจเลือกร้านซ่อมก็ให้ตรวจระยะเวลา ประกันของคอมพิวเตอร์และบรรดาอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ให้ดี
4.สำรวจให้ทั่ว ๆ การนำเครื่อคอมพิวเตอร์ไปซ่อมกับบริษัทที่คุณซื้อมาก็ไม่ใช้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีเสมอไป เพราะบางครั้งถ้าศึกษาให้ดี ๆ อาจพบว่า ซ่อมกับบริษัทอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งเงินและเวลา มากกว่าที่ตวรเป็นก็ได้ วิธีที่น่าจะดีกว่า ก็คือลองสำรวจร้านอื่น ๆ ดูไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือใหญ่ ตรวจสอบข้อมูลเรื่องเวลาและราคาในการซ่อมเช่น ค่าตรวจเครื่อง ค่าแรง หรือค่าซ่อมนอกสถานที่ (ในกรณีที่ต้องการให้ช่างมาซ่อมที่บ้าน) เป็นต้น ร้านเล็ก ๆ บางครั้งให้ความสำคัญเป็นกันเองกับลูกค้ามากกว่า ร้านใหญ่ ๆ เนื่องจากมีความต้องการอยู่รอดในการแข่งขันกับร้านใหญ่ ๆ ในขณะเดินสำรวจร้านต่าง ๆ อยู่ให้ลองสังเกคร้านที่ติดโลโก้ยี่ห้อดังเช่น ไอบีเอ็ม , คอมแพค , เป็นต้น ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่า ร้านนั้น ๆ รับซ่อมเครื่องที่อยู่ในประกันของยี่ห้อนั้น ๆ แต่อย่างไรก็ตามร้านที่รับซ่อมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะรับซ่อม เครื่องทุกยี่ห้ออยู่แล้ว
5.ค้นหาบริการทางโทรศัพท์ บางกรณีอาจเป็นการไม่สะดวกที่จะเดินทางไปซ่อมที่ร้านโดยตรง การไปโทรศัพท์ไปปรึกษาจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เมื่อคุณเริ่มโทรศัพท์หาร้านซ่อม ให้ลองสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คุณได้รับทางโทรศัพท์ เช่นต้องรอสายนานเท่าไร เต็มใจช่วยเหลือหรือไม่ แค่นี้ก็เป็นการช่วยตัดสินใจได้ว่า ควรซ่อมกับร้านนั้นหรือไม่ แล้วอย่าลืมจดชื่อรุ่นหรือ Serial Number ของคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อความสะดวก หรือจะโทรไปรายการ 94 FM ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14:00-15:00 ที่นี้รับตอบปัญหาทุกเรื่องดีมากเลย
6.ค่าธรรมเนียม เมื่อยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเป็นธรรมดาที่ช่างจะสำรวจดูว่ามีอะไรบ้างที่ต้องซ่อม ตั้งแต่สายไฟยันฮาร์ดดิส ซึ่งร้านจำเป็นจะต้องคิดค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบนี้ แต่ก็มีบางร้านเหมือนกัน ที่ไม่คิด แต่ถ้าคุณพอมีความรู้เรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง ก็อาจทดลองใช้โปรแกรม Norton Utility ตรวจสอบเครื่องของคุณก่อน บางที่อาจทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินก็ได้ หรือบางที่คุณอาจโทรมาเรียกช่างมาซ่อม ที่บ้านก็ได้ แต่คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น
7.คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน หลังจากที่เครื่องของคุณได้รับการตรวจสอบอาการจากหลาย ๆ ร้านซ่อมแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนในการตัดสินใจว่า จะซ่อมหรือไม่ซ่อมในร้านใดจึงจะดี ซึ่งบางครั้งร้านซ่อมอาจจะบอกว่าเครื่อง ไม่อยู่ในประกันแล้วหรืออะไหล่ชิ้นที่ต้องการไม่มีอีกต่อไปแล้ว ข่าวร้ายเหล่านี้เป็นแคเพียงขั้นเริ่มต้นใน การซ่อมคอมพิวเตอร์ของคุณ บางที่คุณอาจลองสอบถามร้านดูว่าสามารถจะเอาอะไหล่เก่าไปแลกอะไหล่ใหม่ ได้หรือไม่ ในกรณีอะไหล่ชิ้นเก่าเลิกผลิตไปแล้ว โดยอาจต้องเพิ่มเงินเล็กน้อย
8.เตรียมเครื่องให้พร้อมก่อนนำไปซ่อม ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านเพื่อทำการซ่อมลองตรวจสอบว่าคุณได้ แบ็กอัพข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ , จด Serial number ของฮาร์ดิสก์ , ซีดีรอม , โมเด็ม และอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่นำมาเปลี่ยน ลบข้อมูลส่วนตัวออกให้หมดเช่น อินเตอร์เน็ทพาสเวิร์ด เพื่อป้องกันถูกลักลอบนำไปใช้
9..ขอเอกสารการซ่อมจากร้าน ก่อนที่จะทิ้งเครื่องเอาไว้ที่ร้านอย่าลืมขอเอกสารที่บอกถึงชิ้นส่วนที่จะเปลี่ยน และระยะเวลาในการซ่อม ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดเพื่อป้องกันค่าใช้จ่านแอแฝง แล้วอย่าลืมถามถึงการ รับประกันหลังการซ่อม
10.ติดตามความคืบหน้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือคอยโทรไปถามว่าการซ่อมไปถึงไหน เปลี่ยนอะไรบ้าง เสร็จทันกำหนดหรือไม่ และเมื่อไปรับเครื่อง ให้ทดสอบดูก่อนว่าเครื่องทำงานปกติหรือไม่ ก่อนนำเครื่องกลับ
10 เทคนิคการใช้ internet Explorer
1. การแสดงพื้นที่บน internet Explorer ให้มากที่สุด
ให้กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม
2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน
เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F
3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้
ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลา surt net ได้
4. ปิด window ให้เร็วดังใจ
ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้
5. ดู address bar ว่าไปที่ไหนมาบ้าง
address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ
6. save URL ให้เร็วที่สุด
คุณสามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้ (เผื่อคราวหน้าจะได้ เยี่ยมไปแวะชมอีกได้สะดวกไง)
7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน
คุณทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่
8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว
ปกติเวลาจะดูรายละเอียดของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง
9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper
บางครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณครับ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper
10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด
web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก้อสามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย
ให้กด keyboard F11 เพื่อขยายเต็มหน้าจอ กดอีกครั้งจะเป็นการกลับสู่สภาพเดิม
2. ค้นหาข้อมูลใน web ที่กำลังใช้งาน
เราสามารถ search ข้อมูลใน web ที่กำลังเข้าไปดูอยู่ได้ โดยการกด keyboard Ctrl+F
3. ปุ่มใดแทนคำสั่ง back ได้
ปุ่ม Backspace ใน keyboard สามารถใช้ทดแทนคำสั่ง back เวลา surt net ได้
4. ปิด window ให้เร็วดังใจ
ใช้ปุ่ม Ctrl+W ใน keyboard เพื่อปิด window ที่กำลังใช้งานอยู่ได้
5. ดู address bar ว่าไปที่ไหนมาบ้าง
address bar คือตำแหน่งที่ใช้ในการพิมพ์ url ของ web site ต่าง ๆ เราสามารถดูได้ว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง โดยการกดปุ่ม keyboard F4 โปรแกรมจะแสดงรายละเอียดให้ทราบ
6. save URL ให้เร็วที่สุด
คุณสามารถกดปุ่ม keyboard Ctrl+D เพื่อ save ที่อยู่ใน web site ที่คุณดูอยู่ในปัจจุบันได้ (เผื่อคราวหน้าจะได้ เยี่ยมไปแวะชมอีกได้สะดวกไง)
7. ส่ง web ถูกใจไปให้เพื่อน
คุณทราบหรือไม่ว่า web page ต่าง ๆ ที่เราแวะเข้าไป สามารถส่งไปให้เพื่อนดูได้ เพียงแค่เลือกเมนู File เลือก Send และเลือกหัวข้อ Page by Email แค่นี้เพื่อนคุณก็จะได้รับ web ที่มีหน้าตาเหมือนกับที่คุณกำลังดูอยู่
8. เลื่อนดูหน้า web อย่างรวดเร็ว
ปกติเวลาจะดูรายละเอียดของ web page แต่ละหน้า จำเป็นต้องใช้เม้าส์คลิกลาก ขึ้น-ลง ด้านบนสุด หรือล่างสุด ทำให้ไม่สะดวกนักสำหรับผู้ไม่ถนัดในการใช้เมาส์ ลองกดปุ่ม keyboard ที่ชื่อว่า Home หรือ End ดู คงช่วยอะไรคุณได้บ้าง
9. อยาก save ภาพเป็น wallpaper
บางครั้งเราแวะไปเยี่ยมชม web site บางแห่ง แล้วถูกใจในรูปภาพนั้น ๆ และอยากจะนำกลับมาเป็น wallpaper สำหรับโปรแกรม Internet Explorer มีตัวช่วยให้คุณครับ เพียงแค่กด คลิกขวาที่บริเวณภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Set as wallpaper
10. เลื่อนขึ้น-ลง ทีละนิด
web page บางหน้าอาจมีความยาวมาก การจะเลื่อนหน้าทีละนิดเพื่ออ่านข้อมูล ถ้าจะใช้เมาส์ บางทีอาจไม่สะดวกนัก ลองใช้ keyboard ปุ่มที่ชื่อว่า Page Up หรือ Page Down หรือว่า แค่เคาะ Spacebar ก้อสามารถเลื่อนลงมากดูรายละเอียดของ web นั้นได้สะดวก น่าจะดีกว่าเยอะเลย
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
รวมคำสั่ง Run ที่ใช้ทั้งหมด
รวมคำสั่ง Run ที่ใช้ทั้งหมด
เวลาอยากพิมพ์ที่ start>run แต่จำคำสั่งไมได้ รวมไว้ให้แล้ว
เรียกโปรแกรม Accessibility Options —> access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware —> hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs —> appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control —> admintools
ตั้งค่า Automatic Updates —> wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard —> fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) —> calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager —> certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map —> charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) —> chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) —> clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) —> cmd
เรียกโปรแกรม Component Services —> dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management —> compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ —> timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager —> devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) —> dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility —> cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment —> dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management —> diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager —> diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop —> desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ —> control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) —> drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) —> verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) —> eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool —> sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control —> folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts —> control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) —> fonts
เรียกเกม Free Cell —> freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers —> joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) —> gpedit.msc
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) —> iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service —> ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties —> inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties —> control keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) —> secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) —> lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off —> logoff
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections —> ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard —> netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad —> notepad
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) —> osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor —> perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties —> powercfg.cpl
เรียกโปรแกรม Private Character Editor —> eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings —> intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor —> regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop —> mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage —> ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests —> ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) —> rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras —> sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control —> schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center —> wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services —> services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders —> fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down —> shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio —> mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare —> spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) —> sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) —> msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) —> sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) —> sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties —> sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager —> taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management —> nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager —> utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall —> firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier —> magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure —> wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security Tool —> syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) —> wupdmgr
เรียกโปรแกรม Wordpad —> write

เรียกโปรแกรม Accessibility Options —> access.cpl
เรียกโปรแกรม Add Hardware —> hdwwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Add/Remove Programs —> appwiz.cpl
เรียกโปรแกรม Administrative Tools control —> admintools
ตั้งค่า Automatic Updates —> wuaucpl.cpl
เรียกโปรแกรม Bluetooth Transfer Wizard —> fsquirt
เรียกโปรแกรม เครื่องคิดเลข (Calculator) —> calc
เรียกโปรแกรม Certificate Manager —> certmgr.msc
เรียกโปรแกรม Character Map —> charmap
เรียกโปรแกรม ตรวจสอบดิสก์ (Check Disk Utility) —> chkdsk
เรียกดูคลิปบอร์ด (Clipboard Viewer) —> clipbrd
เรียกหน้าต่างดอส (Command Prompt) —> cmd
เรียกโปรแกรม Component Services —> dcomcnfg
เรียกโปรแกรม Computer Management —> compmgmt.msc
เรียกดู/ตั้ง เวลาและวันที่ —> timedate.cpl
เรียกหน้าต่าง Device Manager —> devmgmt.msc
เรียกดูข้อมูล Direct X (Direct X Troubleshooter) —> dxdiag
เรียกโปรแกรม Disk Cleanup Utility —> cleanmgr
เรียกโปรแกรม Disk Defragment —> dfrg.msc
เรียกโปรแกรม Disk Management —> diskmgmt.msc
เรียกโปรแกรม Disk Partition Manager —> diskpart
เรียกหน้าต่าง Display Properties control desktop —> desk.cpl
เรียกหน้าต่าง Display Properties เพื่อปรับสีวินโดวส์ —> control color
เรียกดูโปรแกรมช่วยแก้ไขปัญหา (Dr. Watson) —> drwtsn32
เรียกโปรแกรมตรวจสอบไดร์ฟเวอร์ (Driver Verifier Utility) —> verifier
เรียกดูประวัติการทำงานของเครื่อง (Event Viewer) —> eventvwr.msc
เรียกเครื่องมือตรวจสอบไฟล์ File Signature Verification Tool —> sigverif
เรียกหน้าต่าง Folders Options control —> folders
เรียกโปรแกรมจัดการ Fonts —> control fonts
เปิดไปยังโฟลเดอร์ Fonts (Fonts Folder) —> fonts
เรียกเกม Free Cell —> freecell
เปิดหน้าต่าง Game Controllers —> joy.cpl
เปิดโปรแกรมแก้ไข Group Policy (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) —> gpedit.msc
เรียกโปรแกรมสร้างไฟล์ Setup (Iexpress Wizard) —> iexpress
เรียกโปรแกรม Indexing Service —> ciadv.msc
เรียกหน้าต่าง Internet Properties —> inetcpl.cpl
เรียกหน้าต่าง Keyboard Properties —> control keyboard
แก้ไขค่าความปลอดภัย (Local Security Settings) —> secpol.msc
แก้ไขผู้ใช้ (Local Users and Groups) —> lusrmgr.msc
คำสั่ง Log-off —> logoff
เรียกหน้าต่าง Mouse Properties control mouse main.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Connections control netconnections —> ncpa.cpl
เรียกหน้าต่าง Network Setup Wizard —> netsetup.cpl
เรียกโปรแกรม Notepad —> notepad
เรียกคีย์บอร์ดบนหน้าจอ (On Screen Keyboard) —> osk
เรียกหน้าต่าง Performance Monitor —> perfmon.msc
เรียกหน้าต่าง Power Options Properties —> powercfg.cpl
เรียกโปรแกรม Private Character Editor —> eudcedit
เรียกหน้าต่าง Regional Settings —> intl.cpl
เรียกหน้าต่าง Registry Editor —> regedit
เรียกโปรแกรม Remote Desktop —> mstsc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage —> ntmsmgr.msc
เรียกหน้าต่าง Removable Storage Operator Requests —> ntmsoprq.msc
เรียกดู Policy ที่ตั้งไว้ (ใช้กับ XP Home ไม่ได้) —> rsop.msc
เรียกหน้าต่าง Scanners and Cameras —> sticpl.cpl
เรียกโปรแกรม Scheduled Tasks control —> schedtasks
เรียกหน้าต่าง Security Center —> wscui.cpl
เรียกหน้าต่าง Services —> services.msc
เรียกหน้าต่าง Shared Folders —> fsmgmt.msc
คำสั่ง Shuts Down —> shutdown
เรียกหน้าต่าง Sounds and Audio —> mmsys.cpl
เรียกเกม Spider Solitare —> spider
แก้ไขไฟล์ระบบ (System Configuration Editor) —> sysedit
แก้ไขการตั้งค่าระบบ (System Configuration Utility) —> msconfig
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มทันที) —> sfc /scannow
ตรวจสอบระบบด้วย System File Checker Utility (เริ่มเมื่อบู๊ต) —> sfc /scanonce
เรียกหน้าต่าง System Properties —> sysdm.cpl
เรียกหน้าต่าง Task Manager —> taskmgr
เรียกหน้าต่าง User Account Management —> nusrmgr.cpl
เรียกโปรแกรม Utility Manager —> utilman
เรียกโปรแกรม Windows Firewall —> firewall.cpl
เรียกโปรแกรม Windows Magnifier —> magnify
เรียกหน้าต่าง Windows Management Infrastructure —> wmimgmt.msc
เรียกหน้าต่าง Windows System Security Tool —> syskey
เรียกตัวอัพเดตวินโดวส์ (Windows Update) —> wupdmgr
เรียกโปรแกรม Wordpad —> write
folder option หาย วิธีแก้ folder option หาย
ก่อนเราจะมาวิธี แก้ folder option หาย เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า ว่า folder option คืออะไร และมีหน้าที่เอาไว้ทำอะไร
Folder Option คือ ส่วนหนึ่งของหน้าต่างวินโดร์ หรือเป็นส่วนหนึ่งในเมนูของหน้าต่าง windows ใครส่งสัยลองเปิดหน้าต่างวินโดร์ขึ้นมา My Computer ก็ได้ หรือ My Documents ก็ได้ จากนั้นให้เลือก Tools > มองหา folder option ... ในส่วนนี้แหละคือ folder option อ่า.. แล้วมันมีหน้าที่เอาไว้ทำอะไรหละ มันเป็นในส่วนของการกำหนด ไฟล์ หรือ โฟร์เดอร์ ว่าเราต้องการเห็นแบบไหน แสดงแบบไหน เช่น เราอยากซ่อนไฟล์บางไว้เอาไว้ ก็กดหนดในไฟล์ นั้นๆให้เป็น Hidden แล้วไปกดหนดใน folder option ให้ไม่ต้องแสดงไฟล์ Hidden หรือ เราอยากให้ไฟล์นามสกุล (type file) แสดงหรือไม่แสดงเราก็กำหนดได้ใน folder option และเราสามารถทำอะไรได้อีกเยอะโดยกำหนดในนี้
ทำไมไวรัสชอบทำให้ folder option หายไป
คำถามนี้ส่วนตัวผมเองมีคนถามเยอะนะ ถ้าจะให้ตอบในแนววิชาการ คงจะสาวกันยาวแน่ๆ เอาเป็นว่าตอบให้พอเห็นภาพจะดีกว่า เราก็ได้รู้แล้วใช้ไหมว่า หน้าทีของ folder option นั้นพอมีอะไรบ้าง ดังตัวอย่างที่ผมยกข้างบน นั้นก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ไวรัสต้องการไม่ให้เราเข้าไปแก้ ยกตัวอย่าง เช่น
- ไวรัส สร้างไฟล์มา 1 ตัว และกำหนดไฟล์ ไฟล์นั้นให้เป็นแบบ ซ่อนไว้ (Hidden) คือไฟล์นั้นไม่อยากให้เรามองเห็น แต่ถ้าไวรัสแค่ Hidden ไว้อย่างเดียว ถ้าเรากำหนดที่ folder option เอาไว้ว่าให้แสดงไฟล์ Hidden ด้วย ไฟล์ที่ไวรัสพยามจะซ่อนไม่ให้เราเห็นก็จะถูกมองเห็นแล้วอาจถูกลบได้ ผู้สร้างไวรัส ก็ได้คิดเพื่อไว้ในข้อนี้เอาไว้แล้ว (ฉลาดนะพวกทำไวรัสเนี้ย - -a) ก็เลยสร้างตัวกำหนดมาพร้อมกับไวรัสด้วยว่า ไม่ให้แสดง folder option อีกเพื่อเราจะได้ไม่ต้องไปแก้
- ไวรัส สร้างไฟล์มา 1 ไฟล์ ไฟล์นั้นผู้สร้างไวรัสอยากให้ user หรือผู้ชายกดมันเพื่อที่จะได้ให้ติดไวรัส ไฟล์นั้นอาจเป็น พาหะ (เป็นตัว install) ไม่ใช้ไวรัสแต่เป็นตัวติดตั้งไวรัส เอากันง่ายๆเขาอยากให้เรากด แต่ไม่อยากให้เรารู้ว่าเราได้กดไวรัสไปแล้ว จะทำอย่างไร ผู้พัฒนาไวรัสก็อาจสร้างไฟล์มา 1 ตัว ไวรัสส่วนใหญ่สกุลไฟล์จะเป็น .exe หรือ .bat และก็จะมีรูปแบบที่แปลกๆ ไม่คุ้นตา ผู้พัฒนาไวรัสก็จะทำรูปของไฟล์นั้นให้เหมือนกับรูปของโฟเดอร์ หลอกให้เราคิดว่านั้นคือ Folder แต่ถ้าทำแบบเห็นสกุลไฟล์ด้วยจะรู้ทันทีว่านั้นคือไฟล์ application (ไฟล์เรียกใช้งาน) ไม่ใช้โฟเดอร์ เขาจะทำอย่างไรดี ง่ายๆเลยไปกำหนดที่ folder option อีกแล้วไม่ให้แสดง type (สกุลของไฟล์) เห็นไหมแค่นี้ก็หลอกได้แล้วเย้ๆ เก่งนะเนี้ยคนทำไวรัส
คำถามนี้ส่วนตัวผมเองมีคนถามเยอะนะ ถ้าจะให้ตอบในแนววิชาการ คงจะสาวกันยาวแน่ๆ เอาเป็นว่าตอบให้พอเห็นภาพจะดีกว่า เราก็ได้รู้แล้วใช้ไหมว่า หน้าทีของ folder option นั้นพอมีอะไรบ้าง ดังตัวอย่างที่ผมยกข้างบน นั้นก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ไวรัสต้องการไม่ให้เราเข้าไปแก้ ยกตัวอย่าง เช่น
- ไวรัส สร้างไฟล์มา 1 ตัว และกำหนดไฟล์ ไฟล์นั้นให้เป็นแบบ ซ่อนไว้ (Hidden) คือไฟล์นั้นไม่อยากให้เรามองเห็น แต่ถ้าไวรัสแค่ Hidden ไว้อย่างเดียว ถ้าเรากำหนดที่ folder option เอาไว้ว่าให้แสดงไฟล์ Hidden ด้วย ไฟล์ที่ไวรัสพยามจะซ่อนไม่ให้เราเห็นก็จะถูกมองเห็นแล้วอาจถูกลบได้ ผู้สร้างไวรัส ก็ได้คิดเพื่อไว้ในข้อนี้เอาไว้แล้ว (ฉลาดนะพวกทำไวรัสเนี้ย - -a) ก็เลยสร้างตัวกำหนดมาพร้อมกับไวรัสด้วยว่า ไม่ให้แสดง folder option อีกเพื่อเราจะได้ไม่ต้องไปแก้
- ไวรัส สร้างไฟล์มา 1 ไฟล์ ไฟล์นั้นผู้สร้างไวรัสอยากให้ user หรือผู้ชายกดมันเพื่อที่จะได้ให้ติดไวรัส ไฟล์นั้นอาจเป็น พาหะ (เป็นตัว install) ไม่ใช้ไวรัสแต่เป็นตัวติดตั้งไวรัส เอากันง่ายๆเขาอยากให้เรากด แต่ไม่อยากให้เรารู้ว่าเราได้กดไวรัสไปแล้ว จะทำอย่างไร ผู้พัฒนาไวรัสก็อาจสร้างไฟล์มา 1 ตัว ไวรัสส่วนใหญ่สกุลไฟล์จะเป็น .exe หรือ .bat และก็จะมีรูปแบบที่แปลกๆ ไม่คุ้นตา ผู้พัฒนาไวรัสก็จะทำรูปของไฟล์นั้นให้เหมือนกับรูปของโฟเดอร์ หลอกให้เราคิดว่านั้นคือ Folder แต่ถ้าทำแบบเห็นสกุลไฟล์ด้วยจะรู้ทันทีว่านั้นคือไฟล์ application (ไฟล์เรียกใช้งาน) ไม่ใช้โฟเดอร์ เขาจะทำอย่างไรดี ง่ายๆเลยไปกำหนดที่ folder option อีกแล้วไม่ให้แสดง type (สกุลของไฟล์) เห็นไหมแค่นี้ก็หลอกได้แล้วเย้ๆ เก่งนะเนี้ยคนทำไวรัส
ทั้งสองตัวอย่างนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ folder option สามารถทำได้ และไวรัสใช้สิ่งที่มันทำได้ ไปในทางที่ไม่ดีและซ่อนมันเอาไว้เพื่อไม่ให้เราเข้าไปแก้ไขมัน
เมื่อเราพอเข้าใจการทำงานของ folder option และรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมมันต้องหายแล้ว ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ตราบใดถ้าไวรัสยังไม่หายไปจากเครื่องเรา ไม่ว่าเราจะกู้ folder option กี่ครั้งมันก็ยังคงหายอยู่วันยังค่ำ ฉนั้นการจะทำการแก้หรือกู้มันกลับมา ท่านต้องกำจัดไวรัสออกจากเครื่องให้หมดเสียก่อน ทีนี้เรามาดูวิธีการ ทำให้เจ้า folder option กลับมากัน สำรหับคนที่หายไป
วิธีแก้ folder option หาย มีหลายวิธี ผมจะเริ่มจากง่ายๆก่อนที่มีคนนิยมกันมากและเขียนกันมาก
วิธีที่ 1 แก้ไขโดยเข้าไปกำหนดค่าใน registy
ก่อนอื่นเลยไวรัสบางตัวอาจร้ายกาจขนาดปิดกันเราไม่ให้เราเข้าไปแก้ไข registy หรือเข้า regedit ไม่ได้ เราต้องหาทางหรือคือค่าของ registy เสียก่อน ทำได้โดยไปที่
Start >> Run จากนั้นให้ก๊อปข้อความด้านล่างนี้ไปวางแล้ว กด enter
REG add HKCUSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem /v DisableRegistryTools /t REG_DWORD /d 0 /f
จากนั้น restart เครื่อง 1 ครั้ง
วิธีนี้จะเป็นการคือค่าให้เรากลับมากำหนดค่า หรือใช้งาน registy ได้อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนอื่นเลยไวรัสบางตัวอาจร้ายกาจขนาดปิดกันเราไม่ให้เราเข้าไปแก้ไข registy หรือเข้า regedit ไม่ได้ เราต้องหาทางหรือคือค่าของ registy เสียก่อน ทำได้โดยไปที่
Start >> Run จากนั้นให้ก๊อปข้อความด้านล่างนี้ไปวางแล้ว กด enter
REG add HKCUSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersionPoliciesSystem /v DisableRegistryTools /t REG_DWORD /d 0 /f
จากนั้น restart เครื่อง 1 ครั้ง
วิธีนี้จะเป็นการคือค่าให้เรากลับมากำหนดค่า หรือใช้งาน registy ได้อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเราสามารถเข้า registy ได้แล้วเราก็เริ่มเข้ากระบวนการกู้คืน folder option กันทำได้โดย
Start >> Run พิมพ์ regedit แล้วกด enter
ให้ไปที่ HKEY_CURRENT_USER>Software>Microsoft>Windows>CurrentVersion>Policies>Explorer
มองทางด้านขวามือ ถ้ามีคำว่า folder option ให้คลิ๊กที่มันแล้วกด Delete ได้เลย จากนั้น restart เครื่อง
Start >> Run พิมพ์ regedit แล้วกด enter
ให้ไปที่ HKEY_CURRENT_USER>Software>Microsoft>Windows>CurrentVersion>Policies>Explorer
มองทางด้านขวามือ ถ้ามีคำว่า folder option ให้คลิ๊กที่มันแล้วกด Delete ได้เลย จากนั้น restart เครื่อง
วิธีที่ 2
แก้โดยใช้ตัวเครียร registy
สำหรับวิธีที่สามนี้แก้โดยการใช้โปรแกรม clear registy เลยตัวนี้จะสะดวกหน่อยแก้ได้หลายอย่าง ทั้ง folder option หาย ทั้งอื่นๆที่เกิดจากไวรัสทำ
แก้โดยใช้ตัวเครียร registy
สำหรับวิธีที่สามนี้แก้โดยการใช้โปรแกรม clear registy เลยตัวนี้จะสะดวกหน่อยแก้ได้หลายอย่าง ทั้ง folder option หาย ทั้งอื่นๆที่เกิดจากไวรัสทำ

เจ้าโปรแกรมตัวนี้ชื่อว่า RRT เป็นตัว remove registy ที่ผมใช้อยู่ใช้ดีมากวิธีใช้ก็ไม่มีอะไรมาก คลิ๊กเปิดโปรแกรม ถ้าเครื่องเรามีค่าของ registy ที่ผิดปกติมันจะขึ้นแสดงขึ้นมาให้เราติ๊กถูกแล้วกด remove เป็นอันเสร็จทันที
ระบบ 3G คืออะไร เทคโนโลยี 3G หมายถึง? ความเร็ว 3G เท่าไหร่?

เทคโนโลยี 3G พัฒนามาจากอะไร ระบบ 3G คืออะไร และมี ความเร็ว เท่าไร
ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่นสำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+
HSDPA นั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps. ( ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น )
HSUPA จะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps
สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้
คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 จะถูกพัฒนาโดย AIS
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกปล่อยออกโดยบริษัทไหน
ดังนั้นการเลือกซื้อ AirCard , Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น
OpenOffice 3.3.0 RC2 เอาไว้ใช้แทน Microsoft Office
OpenOffice 3.3.0 RC2 ซอฟแวร์ที่จะเข้ามาแทนที่ Microsoft Office ได้แบบเต็มตัวไม่ว่าจะ Microsoft Word ,Microsoft PowerPoint, Microsoft Excel, Microsoft Access ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน และกลุ่มองค์กรณ์แสวง หากำไรที่กลัวว่าจะโดนจับเรื่อง ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ ที่ตอนนี้ประเทศไทยเรากำลังเข้มงวดขึ้นทุกขณะ..ซึ่ง OpenOffice นี้ได้ผ่านการพัฒนามายาวนานจนสามารถเข้าไปใช้งานทดแทน Microsoft Office ได้แทบทุกเวอร์ชั่นเลยก็ว่าได้ครับ แม้แต่ Microsoft Office 2010 ที่ปล่อยออกมาให้ทดสอบไปก่อนหน้านี้ OpenOffice.org 3.2.0 RC1 ยังสามารถเปิดไฟล์นามสกุลใหม่ๆ ของ Microsoft Office 2010 ได้สบายๆ.




หน้าจอ OpenOffice.org 3.2.0 RC1 เวอร์ชั่นล่าสุด ที่เขาจะเตรียมพร้อมซอฟแวร์ทดแทน Microsoft Office ไว้หมด แถมยังมีเครื่องมือทำงานด้านกราฟิกติดแถมมาด้วย

ทดสอบใช้งาน OpenOffice แบบ Word ที่ใช้แทน Microsoft Word พบว่าหน้าจะคล้าย Microsoft Word มากๆ ตำแหน่งและเมนูต่างๆ แทบจะตรงกันเปะๆ เลยครับ ฉะนั้นคนที่คุ้นเคยกับ Microsoft Word อยู่แล้วท่านจะไม่ งง หรือสับสนกับการใช้งานแน่นอน

หน้าจอ OpenOffice ที่ใช้ทดแทน Microsoft Excel
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)